ตั้งค่าการแคชเนื้อหาบน Mac
บน Mac ของคุณ คุณสามารถเปิดใช้หรือปิดใช้การแคชเนื้อหา เลือกดิสก์โวลุ่มสำหรับแคชเนื้อหา ตั้งค่าขนาดแคช แชร์เนื้อหาที่แคชด้วยอุปกรณ์ iOS หรือ iPadOS หรือลบเนื้อหาที่แคชทั้งหมดได้
โปรดดูบทความบริการช่วยเหลือของ Apple ประเภทเนื้อหาที่การแคชเนื้อหารองรับใน macOS สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของไฟล์ที่คุณสามารถใช้ได้กับการแคชเนื้อหา
ถ้าคุณให้บริการการแคชเนื้อหากับลูกข่ายที่มีที่อยู่ IP แบบกำหนดเอง คุณต้องเพิ่มหรือแก้ไขบันทึก TXT ของ DNS สำหรับแคชเนื้อหาของคุณ ให้ดูที่ใช้บันทึก TXT ของ DNS กับแคชเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์ Apple ในคู่มือ Apple Platform Deployment
เปิดใช้การแคชเนื้อหา
บน Mac ของคุณ ให้เลือกเมนู Apple
ในแถบด้านข้าง จากนั้นคลิก การแชร์ (คุณอาจต้องเลื่อนลง)เปิดใช้ การแคชเนื้อหา แล้วคลิก
จากนั้นรอให้ตัวบ่งชี้การแคชเนื้อหาเปลี่ยนเป็นสีเขียวคลิกเมนูแคชที่แสดงขึ้น จากนั้นเลือกเนื้อหาที่คุณต้องการให้อยู่ในแคช
เนื้อหาทั้งหมด: จัดเก็บรายการอัปเดตซอฟต์แวร์และแอปที่ดาวน์โหลดจาก Apple และเนื้อหา iCloud ใน Mac เครื่องนี้
เนื้อหาที่แชร์เท่านั้น: จัดเก็บรายการอัปเดตซอฟต์แวร์เท่านั้นและแอปที่ดาวน์โหลดจาก Apple ใน Mac เครื่องนี้
เนื้อหา iCloud เท่านั้น: จัดเก็บเฉพาะเนื้อหา iCloud เช่น รูปภาพและเอกสาร ใน Mac เครื่องนี้
คลิก เสร็จสิ้น
เริ่มการทำงานใหม่บนอุปกรณ์ลูกข่ายที่จะใช้แคชเนื้อหา
การเริ่มการทำงานอุปกรณ์ลูกข่ายใหม่ช่วยให้แน่ใจได้ว่าอุปกรณ์จะค้นพบแคชเนื้อหาในทันที ถ้าไม่เริ่มการทำงานอุปกรณ์ลูกข่ายใหม่ ระบบอาจใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะค้นพบแคชเนื้อหา
ปิดใช้การแคชเนื้อหา
บน Mac ของคุณ ให้เลือกเมนู Apple
ปิดใช้ การแคชเนื้อหา
เลือกดิสก์โวลุ่มสำหรับการแคช
ตามค่าเริ่มต้นแล้ว เนื้อหาที่แคชจะถูกจัดเก็บในดิสก์โวลุ่มเริ่มต้น ถ้าคุณมีดิสก์โวลุ่มเพิ่มเติมที่สามารถใช้ได้บน Mac ของคุณ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะจัดเก็บเนื้อหาที่แคชไว้ที่ใด
บน Mac ของคุณ ให้เลือกเมนู Apple
คลิกปุ่ม
ถัดจากการแคชเนื้อหาคลิก ตัวเลือก
คลิกปุ่มแก้ไขถัดจาก ตำแหน่งแคช
เลือกดิสก์โวลุ่มจัดเก็บ แล้วคลิก ย้าย
การแคชเนื้อหาจะหยุดชั่วคราวในขณะที่แคชที่มีอยู่เดิมถูกย้ายไปยังตำแหน่งใหม่
คลิก ตกลง แล้วคลิก เสร็จสิ้น
ตั้งค่าขนาดแคช
คุณสามารถเลือกปริมาณพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ Mac ของคุณใช้จัดเก็บเนื้อหาที่แคชได้
บน Mac ของคุณ ให้เลือกเมนู Apple
คลิกปุ่ม
ถัดจากการแคชเนื้อหาคลิก ตัวเลือก
ใช้แถบเลื่อนเพื่อตั้งค่าขนาดแคช หรือป้อนค่าในช่องข้อความแล้วใช้เมนูที่แสดงขึ้นเพื่อเลือกหน่วย (MB, GB, TB หรือ PB)
คลิก ตกลง แล้วคลิก เสร็จสิ้น
เปิดใช้หรือปิดใช้การแคชเนื้อหา iCloud
การแคชเนื้อหา iCloud จะจัดเก็บไฟล์ที่ผู้ใช้มีบน iCloud เช่น เอกสาร Pages หรือ Numbers
เนื้อหา iCloud ที่แคชทั้งหมดจะถูกรับ จัดเก็บ และส่งโดยมีการเข้ารหัส และแคชเนื้อหาไม่มีความสามารถในการถอดรหัสนั้น
บน Mac ของคุณ ให้เลือกเมนู Apple
คลิกปุ่ม
ถัดจากการแคชเนื้อหาปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:
เปิดใช้การแคชเนื้อหา iCloud: คลิกเมนูแคชที่แสดงขึ้น จากนั้นเลือก เนื้อหาทั้งหมด หรือ เนื้อหา iCloud เท่านั้น
ปิดใช้การแคชเนื้อหา iCloud: คลิกเมนูแคชที่แสดงขึ้น จากนั้นเลือก เนื้อหาที่แชร์เท่านั้น
ถ้าคุณปิดใช้การแคชเนื้อหา iCloud ข้อมูล iCloud ที่แคชไว้ทั้งหมดจะถูกเอาออกจากแคชเนื้อหาโดยทันที
คลิก เสร็จสิ้น
ถ้าคุณเปิดใช้หรือปิดใช้การแคชเนื้อหา iCloud คุณควรจะเริ่มการทำงานอุปกรณ์ลูกข่ายใหม่ อุปกรณ์ลูกข่ายจะค้นพบการเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติ แต่จะใช้เวลาสักครู่ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเริ่มการทำงานอุปกรณ์ลูกข่ายใหม่ อุปกรณ์จะค้นพบการเปลี่ยนแปลงในทันที
แชร์เนื้อหาที่แคชกับอุปกรณ์ iOS
คุณสามารถแชร์การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเนื้อหาที่แคชของ Mac ของคุณกับอุปกรณ์ iOS ที่เชื่อมต่ออยู่โดยใช้ USB ได้ คุณสมบัตินี้ยังเรียกว่า การแคชแบบเชื่อมต่อ อีกด้วย
ด้วยการแคชแบบเชื่อมต่อ:
อุปกรณ์ iOS สามารถเชื่อมต่อและเลิกเชื่อมต่อเมื่อใดก็ได้ ตราบใดก็ตามที่ Mac ไม่อยู่ในโหมดพักเครื่อง
อุปกรณ์ iOS เชื่อมต่อกับ Mac โดยใช้ USB ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แม้ว่าการเชื่อมต่อ Wi-Fi และการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ของอุปกรณ์จะถูกปิดใช้งาน
อุปกรณ์ iOS ที่ได้รับการจัดการที่เชื่อมต่ออยู่จะตรวจสอบกับโซลูชั่นการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ (MDM) โดยอัตโนมัติ
บนอุปกรณ์ iOS ของคุณ ให้ไปที่ การตั้งค่า > ฮอตสปอตส่วนบุคคล แล้วปิดใช้ ฮอตสปอตส่วนบุคคล
บน Mac ของคุณ ให้เลือกเมนู Apple
คลิกปุ่ม
ถัดจากการแคชเนื้อหาเลือกกล่องกาเครื่องหมายการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
คลิก เสร็จสิ้น
ครั้งแรกที่คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS กับ Mac โดยใช้ USB คุณต้องแตะ เชื่อถือ บนอุปกรณ์
ลบเนื้อหาที่แคชทั้งหมด
บน Mac ของคุณ ให้เลือกเมนู Apple
คลิกปุ่ม
ถัดจากการแคชเนื้อหาคลิก ตัวเลือก
คลิก รีเซ็ต แล้วคลิก รีเซ็ต อีกครั้งเพื่อตรวจสอบยืนยันคำขอ