การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกลไกสำหรับ iPhone

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข้อความเตือน

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะ หรือเข็มทิศ

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับปุ่มหรือสวิตช์

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับปุ่มโฮมหรือ Touch ID

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับซิมการ์ด

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Taptic Engine หรือการตอบสนองแบบสั่น

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข้อความเตือน

ระบุปัญหา

อ่านบทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องหากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ ต่อไปนี้

  • มีข้อความเตือนเกี่ยวกับอุณหภูมิปรากฏขึ้นบนจอภาพของอุปกรณ์


  • อุปกรณ์หรืออะแดปเตอร์แปลงไฟร้อนผิดปกติขณะใช้งาน


  • ข้อความเตือนอื่นๆ จะปรากฏบนจอภาพของอุปกรณ์


ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. อ่านการแจ้งเตือนเพื่อระบุปัญหา การแจ้งเตือนส่วนใหญ่มักระบุข้อมูลเพิ่มเติมหรือลิงก์ไปยังวิธีแก้ไขปัญหา ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตือนในบทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง


  2. เมื่ออุปกรณ์อยู่ระหว่างการใช้งานหรือชาร์จแบตเตอรี่ เครื่องจะอุ่นขึ้นได้ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนภายนอกของอุปกรณ์จะทำหน้าที่เป็นพื้นผิวที่ทำความเย็นซึ่งจะส่งผ่านความร้อนจากภายในเครื่องไปยังอากาศที่เย็นกว่าที่ด้านนอก ดูที่ หาก iPhone หรือ iPad ของคุณร้อนหรือเย็นเกินไป หากเห็นการแจ้งเตือนอุณหภูมิ

    • หมายเหตุ: การแจ้งเตือนอุณหภูมิเป็นครั้งคราวถือเรื่องปกติและอาจไม่ใช่ปัญหาที่ต้องรับบริการ สภาวะอุณหภูมิที่ต่ำหรือสูงอาจทำให้อุปกรณ์เปลี่ยนลักษณะการทำงานเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งอาจรวมถึงการแสดงข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับอุณหภูมิด้วย การแจ้งเตือนอุณหภูมิที่ค้างต่อเนื่องซึ่งปรากฏขึ้นในขณะที่มีการใช้อุปกรณ์ในสภาวะอุณหภูมิปกติอาจเป็นปัญหาที่ต้องรับบริการ

  3. ข้อสำคัญ: หากอุปกรณ์ได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง ให้ปิดอุปกรณ์ ถอดฝาครอบหรือเคสออกจากอุปกรณ์ ย้ายอุปกรณ์ไปยังสภาพแวดล้อมที่เย็นลง แล้วปล่อยให้อุปกรณ์เย็นลงก่อนดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

  4. รีสตาร์ท iPhone หาก iPhone ไม่รีสตาร์ท ให้ลองบังคับรีสตาร์ท iPhone

  5. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. ขณะกำลังใช้อุปกรณ์ ให้ตรวจสอบว่าหน้าจอคำเตือนอุณหภูมิยังคงปรากฏค้างต่อเนื่องหรือไม่ ดังนี้

    1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ในสภาวะอุณหภูมิต่ำหรือสูงและอยู่ระหว่าง 0-35 องศาเซลเซียส (32-95 องศาฟาเรนไฮต์)

    2. ตรวจสอบว่าหน้าจออุปกรณ์ยังคงแสดงการแจ้งเตือนอุณหภูมิที่ค้างต่อเนื่องหรือไม่

    3. หากการแจ้งเตือนอุณหภูมิยังคงแสดงค้างต่อเนื่องหลังจากอุปกรณ์มีอุณหภูมิปกติ ให้ซ่อมอุปกรณ์


  2. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัย Mobile Resource Inspector (MRI) ตรวจสอบผลการวินิจฉัยเพื่อยืนยันการแสดงคำเตือนอุณหภูมิ หากคุณไม่สามารถเรียกใช้ MRI เนื่องจากอุปกรณ์แสดงการแจ้งเตือนอุณหภูมิที่ค้างต่อเนื่อง ให้ซ่อมอุปกรณ์

  3. หากการเตือนเกิดจากการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมเข้ากับ iPhone ด้วยสาย ให้ถอดและเสียบสายอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดีแล้ว ถอดและเสียบสายขั้วต่อทั้งสองด้าน ทดสอบซ้ำเพื่อตรวจสอบว่าปัญหาข้อความแจ้งเตือนได้รับการแก้ไขแล้ว หากข้อความเตือนยังคงอยู่ ให้ซ่อมอุปกรณ์


แกะเปิดและตรวจสอบ iPhone

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบเพื่อวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อม iPhone เพื่อแกะเปิดและตรวจสอบ iPhone อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

ตรวจสอบสายแพและขั้วต่อภายในที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจหาความเสียหายหรือการดัดแปลง เช่น แผ่นฟิล์มหรือสิ่งแปลกปลอมขวางขั้วต่อ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าว

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนตัวเครื่องใน iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, iPhone 16 Pro Max และ iPhone 16e

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องอุปกรณ์และตรวจสอบยืนยันการทำงานโดยรวม

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ สำหรับรุ่นอื่นๆ คุณสามารถค้นหาตัวเลือกการให้บริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะ หรือเข็มทิศ

หมายเหตุ: ปัญหานี้ยังพบได้ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกลไกสำหรับ iPhone ด้วย

ระบุปัญหา

  • จอภาพไม่ปรับความสว่างอัตโนมัติตามแสงสว่างในสภาพแวดล้อมในขณะที่คุณสมบัติการปรับความสว่างอัตโนมัติเปิดอยู่

  • เข็มทิศไม่ทำงานตามที่คาดไว้

  • หน้าจอยังคงเปิดอยู่เมื่อยก iPhone ขึ้นมาที่หูระหว่างการโทร

  • หน้าจอดับลงทันทีเมื่อโทรออก

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ถอดเคสหรือฟิล์มกันรอยหน้าจอออก สัมผัสหน้าจอด้วยนิ้วมือ ไม่ใช่เล็บ

  2. ทำความสะอาดจอภาพด้วยผ้านุ่มไม่เป็นขุยที่บิดหมาดเล็กน้อย

    • ข้อสำคัญ: ถอดสายทั้งหมดและปิด iPhone ก่อน ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารฟอกขาวหรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หลีกเลี่ยงไม่ให้ความชื้นเข้าไปในช่องเปิดต่างๆ และห้ามแช่ iPhone ในสารทำความสะอาด อย่าใช้อากาศอัด

  3. ความแม่นยำของเข็มทิศอาจได้รับผลกระทบจากการรบกวนของแม่เหล็กหรือสภาพแวดล้อม หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับแหล่งสัญญาณรบกวน

  4. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัย Mobile Resource Inspector (MRI)

  2. เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะจะตรวจจับเมื่อยก iPhone ใกล้กับหูของผู้ใช้ แล้วปิดจอภาพโดยทันทีเพื่อประหยัดพลังงานและป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ หากต้องการตรวจสอบเซ็นเซอร์ตรวจจับระยะ ให้รับสายบน iPhone ที่มีปัญหา จากนั้นให้เอามือบังบริเวณด้านบนของจอภาพ จอภาพควรปิด และควรเปิดอีกครั้งเมื่อคุณเอามือออกจากจอภาพ หากจอภาพไม่ปิดและเปิดตามที่คาดไว้ ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อ

แกะเปิดและตรวจสอบ iPhone

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากเรียกใช้การทดสอบเพื่อวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อม iPhone เพื่อแกะเปิดและตรวจสอบ iPhone อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

ตรวจสอบสายแพและขั้วต่อภายในที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจหาความเสียหายหรือการดัดแปลง เช่น แผ่นฟิล์มหรือสิ่งแปลกปลอมขวางขั้วต่อ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าว

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้านี้ ให้เปลี่ยนชิ้นส่วนต่อไปนี้ใน iPhone รุ่นที่ระบุไว้ ดังนี้

หากการทดสอบเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบใน MRI ไม่ผ่าน ให้เปลี่ยนจอภาพใน iPhone 7 ขึ้นไปทุกรุ่น

หากการทดสอบเซ็นเซอร์เข็มทิศใน MRI ไม่ผ่าน ให้เปลี่ยนชิ้นส่วนต่อไปนี้ใน iPhone รุ่นที่ระบุไว้ ดังนี้

  • เปลี่ยนจอภาพใน iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max, iPhone 12 ทุกรุ่น, iPhone 13 ทุกรุ่น, iPhone 14 ทุกรุ่น, iPhone 15, iPhone 15 Plus และ iPhone 15 Pro

  • เปลี่ยนไมโครโฟนหลักใน iPhone 16 ทุกรุ่น, iPhone 16e และ iPhone 17 ทุกรุ่น

  • เปลี่ยนไมโครโฟนเสริมใน iPhone Air

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องอุปกรณ์และตรวจสอบว่าจอภาพ เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะ และเข็มทิศทำงานเป็นปกติ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ สำหรับรุ่นอื่นๆ คุณสามารถค้นหาตัวเลือกการให้บริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับปุ่มหรือสวิตช์

ระบุปัญหา

อ่านบทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องหากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ ต่อไปนี้

  • ปุ่มด้านข้างไม่ทำงาน

  • ปุ่มปรับระดับเสียงไม่ทำงาน

  • สวิตช์เปิด/ปิดเสียงไม่ทำงาน (ในรุ่นที่มีสวิตช์เปิด/ปิดเสียง)

  • ปุ่มแอ็คชั่นไม่ทำงาน (ในรุ่นที่มีปุ่มแอ็คชั่น)

  • ตัวควบคุมกล้องไม่ทำงาน (ในรุ่นที่มีตัวควบคุมกล้อง)

  • "ไม่ทำงาน" ประกอบด้วยอาการดังต่อไปนี้

    • ปุ่มไม่ตอบสนอง

    • การเลื่อนไม่ตอบสนอง

    • ไม่มีการตอบสนองแบบสั่นเมื่อกดปุ่ม

    • ไม่สามารถกดปุ่มได้

    • คลิกได้ยากเกินไป

    • ปุ่มหรือผิวสัมผัสให้ความรู้สึกไม่ดี

    • การตอบสนองของปุ่มไม่ต่อเนื่องหรือไม่คาดคิด

    • เสียงคลิกที่ผิดปกติ

    • ปุ่มกดโดยไม่ตั้งใจ

    • ปุ่มเลื่อนโดยไม่ตั้งใจ

    • ปุ่มจม เบี้ยว หลวม หรือสั่น

    • ปุ่มมีความเสียหายทางกายภาพ

บทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง

หากยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือแล้ว ให้ดำเนินการต่อในส่วนถัดไป

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ถอดฝาครอบหรือเคสออกจากอุปกรณ์ก่อนดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อตรวจสอบว่ากำลังเปิดใช้งานปุ่มหรือสวิตช์จริงอยู่

  2. รีสตาร์ท iPhone หาก iPhone ไม่รีสตาร์ท ให้ลองบังคับรีสตาร์ท iPhone

  3. ทำความสะอาด iPhone ทำความสะอาดสิ่งสกปรกหรือเศษฝุ่นออกจากบริเวณรอบปุ่มและสวิตช์ทั้งหมดด้วยผ้าสะอาดและไม่มีขุย

  4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่านิ้วของคุณสะอาดและแห้งเมื่อใช้งานปุ่มและสวิตช์ทั้งหมด

    • หมายเหตุ: ความชื้น โลชั่น เหงื่อ หรือน้ำมันบนนิ้วอาจมีผลต่อการทำงานของปุ่ม

  5. หากสามารถจำแนกปัญหาว่าเกิดขึ้นกับ Taptic Engine (มอเตอร์สั่นสะเทือน) ให้ไปที่การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Taptic Engine หรือการตอบสนองแบบสั่น

  6. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัย Mobile Resource Inspector (MRI)

แกะเปิดและตรวจสอบ iPhone

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบเพื่อวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อม iPhone เพื่อแกะเปิดและตรวจสอบ iPhone อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

ตรวจสอบสายแพและขั้วต่อภายในที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจหาความเสียหายหรือการดัดแปลง เช่น แผ่นฟิล์มหรือสิ่งแปลกปลอมขวางขั้วต่อ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าว

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนตัวเครื่องใน iPhone 15 และรุ่นที่ใหม่กว่า

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องอุปกรณ์และตรวจสอบยืนยันว่าปุ่มและสวิตช์ทำงานเป็นปกติ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ สำหรับรุ่นอื่นๆ คุณสามารถค้นหาตัวเลือกการให้บริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับปุ่มโฮมหรือ Touch ID

ระบุปัญหา

หมายเหตุ: หลักปฏิบัตินี้ใช้สำหรับ iPhone รุ่นที่มีปุ่มโฮม ตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิคเพื่อยืนยันคุณสมบัติของ iPhone

อ่านบทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องหากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ ต่อไปนี้

  • ปุ่มโฮมไม่ตอบสนอง

  • ไม่รู้สึกถึงการตอบสนองแบบสั่นเมื่อกดปุ่มโฮม

  • ไม่สามารถอ่านลายนิ้วมือได้

  • ไม่สามารถลงทะเบียนนิ้วมือในการตั้งค่า Touch ID ได้

  • ไม่สามารถทำการซื้อโดยใช้ Touch ID ได้

บทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง

หากยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือแล้ว ให้ดำเนินการต่อในส่วนถัดไป

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. บางคนอาจไม่สามารถใช้คุณสมบัติตัวสแกนลายนิ้วมือได้ เนื่องจากบางคนขาดความต้านทานที่จำเป็นต่อการทำให้เซ็นเซอร์ไบโอเมตริกทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องปกติและไม่ใช่ปัญหาที่ต้องรับบริการ หากเป็นไปได้ ให้ลองเปิดใช้งานอุปกรณ์ที่ทำงานปกติด้วย Touch ID เพื่อตรวจสอบว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ นี้หรือไม่

  2. ทำความสะอาด iPhone ทำความสะอาดสิ่งสกปรกหรือเศษฝุ่นออกจากเซ็นเซอร์ Touch ID ด้วยผ้าสะอาดและไม่มีขุย

  3. ตรวจสอบว่านิ้วมือแห้งและสะอาด

    • หมายเหตุ: ความชื้น โลชั่น เหงื่อ น้ำมัน รอยแผล หรือผิวที่แห้งอาจมีผลต่อการจดจำลายนิ้วมือ กิจกรรมบางอย่างสามารถส่งผลต่อการตรวจจับลายนิ้วมือโดยชั่วคราวได้ ซึ่งรวมไปถึงการออกกำลังกาย อาบน้ำ ว่ายน้ำ ทำอาหาร สภาวะอื่นๆ

  4. ตรวจสอบสิ่งกีดขวาง เช่น ฟิล์มกันรอยหน้าจอรอบๆ เซ็นเซอร์และวงแหวน Touch ID

  5. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

หมายเหตุ: ไม่แนะนำให้บริการหากมีปัญหาเฉพาะกับนิ้วบางนิ้ว หากคุณมีปัญหากับนิ้วบางนิ้ว โปรดทราบว่าในบางกรณี Touch ID อาจไม่สามารถจับคู่นิ้วดังกล่าวได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากความสามารถในการอ่านลายนิ้วมือบางรูปแบบ คุณสามารถลองลงทะเบียนนิ้วดังกล่าวในภายหลังหรือใช้นิ้วอื่นสำหรับ Touch ID หากคุณไม่สามารถลงทะเบียนนิ้วใดๆ บนอุปกรณ์ได้เลย แสดงว่าเซ็นเซอร์ Touch ID อาจมีปัญหาที่ต้องรับบริการ

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัย Mobile Resource Inspector (MRI)

  2. ทดสอบการคลิกหนึ่งครั้งและคลิกสองครั้งบนปุ่มโฮม

  3. กดปุ่มโฮมค้างไว้เพื่อสั่งการด้วยเสียงหรือ Siri

  4. ขณะที่จอภาพปิดอยู่ ให้กดปุ่มโฮมและตรวจสอบว่าจอภาพเปิดขึ้นหรือไม่

  5. ขณะที่คุณกดปุ่มโฮม ให้ตรวจสอบว่ามีการตอบสนองแบบสั่นเสมือนการกดปุ่มจริง

  6. วางนิ้วของคุณบนปุ่มโฮมขณะที่กดปุ่มโฮมหรือปุ่มด้านข้างเพื่อปลุกอุปกรณ์ เมื่อตรวจพบผู้ใช้ที่มีลายนิ้วมือที่ลงทะเบียนไว้ อุปกรณ์ควรปลดล็อค

แกะเปิดและตรวจสอบ iPhone

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบเพื่อวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อม iPhone เพื่อแกะเปิดและตรวจสอบ iPhone อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

ตรวจสอบสายแพและขั้วต่อภายในที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจหาความเสียหายหรือการดัดแปลง เช่น แผ่นฟิล์มหรือสิ่งแปลกปลอมขวางขั้วต่อ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าว

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนจอภาพ

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดอุปกรณ์และตรวจสอบยืนยันว่าจอภาพ ปุ่มโฮม และ Touch ID ทำงานเป็นปกติ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับซิมการ์ด

ระบุปัญหา

หมายเหตุ: หลักปฏิบัตินี้ใช้สำหรับ iPhone รุ่นที่มีถาดซิม iPhone บางรุ่น เช่น iPhone 14 และรุ่นใหม่กว่าที่ซื้อในสหรัฐอเมริกา จะไม่มีซิมการ์ดจริงและไม่มีถาดซิม แต่จะมี eSIM แทน ตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิคเพื่อยืนยันคุณสมบัติของ iPhone

อ่านบทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องหากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ ต่อไปนี้

  • ข้อความ "ติดตั้งซิมการ์ดไม่ถูกต้อง" ปรากฏขึ้น

  • ข้อความ "ไม่ได้ติดตั้งซิมการ์ด" ปรากฏขึ้น

  • ข้อความ "ตรวจพบซิมอื่น" ปรากฏขึ้น

หากยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือแล้ว ให้ดำเนินการต่อในส่วนถัดไป

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า iPhone มีแผนบริการที่ใช้งานอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สาย

  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซิมการ์ดได้รับอนุญาตให้ใช้กับ iPhone เครื่องดังกล่าว ซิมการ์ดของผู้ให้บริการเครือข่ายที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก Apple อาจทำให้เกิดข้อความเตือนเกี่ยวกับซิม การใส่ซิมการ์ดที่ไม่ใช่ซิมที่ใช้ในการเปิดใช้งาน iPhone ปัจจุบันอาจทำให้เกิดข้อความเตือนเกี่ยวกับซิม

  3. หากข้อความ "ซิมล็อค" ในแถบสถานะของ iPhone ปรากฏขึ้น ให้ใช้หมายเลขประจำตัวส่วนบุคคล (PIN) เพื่อปลดล็อคซิม

  4. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งถาดซิมใน iPhone อย่างถูกต้อง

    • หมายเหตุ: ถาดซิมจะมีขนาดและรูปร่างต่างกันเล็กน้อย

  5. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. ใช้เครื่องมือถอดซิมเพื่อดีดถาดซิมออก ตรวจสอบว่าถาดดีดออกมา หากการดีดถาดออกมาทำได้ยาก ให้เปลี่ยนถาดซิม

  2. ตรวจสอบว่าถาดซิมเสียหายหรือไม่ หากเสียหาย ให้เปลี่ยนถาดซิม

  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นถาดซิมที่ถูกต้องสำหรับ iPhone รุ่นดังกล่าว หากไม่ถูกต้อง ให้เปลี่ยนถาดซิม

  4. ถอดซิมการ์ดโดยใช้เครื่องมือถอดซิมเพื่อดีดถาดซิมออกมา ตรวจสอบว่าซิมการ์ดอยู่ในระนาบเดียวกันกับถาดระหว่างการติดตั้งกลับเข้าไปใหม่ หากเสียบถาดซิมกลับเข้าไปได้ยาก ให้เปลี่ยนใหม่

แกะเปิดและตรวจสอบ iPhone

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบเพื่อวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อม iPhone เพื่อแกะเปิดและตรวจสอบ iPhone อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

ตรวจสอบสายแพและขั้วต่อภายในที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจหาความเสียหายหรือการดัดแปลง เช่น แผ่นฟิล์มหรือสิ่งแปลกปลอมขวางขั้วต่อ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าว

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนถาดซิม

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Taptic Engine หรือการตอบสนองแบบสั่น

ระบุปัญหา

อ่านบทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องหากคุณสังเกตเห็นปัญหาต่อไปนี้

  • iPhone ไม่สั่นอย่างที่ควรเป็น

บทความบริการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง

หากยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือแล้ว ให้ดำเนินการต่อในส่วนถัดไป

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. รีสตาร์ท iPhone หาก iPhone ไม่รีสตาร์ท ให้ลองบังคับรีสตาร์ท iPhone

  2. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. บน iPhone ที่มีสวิตช์เปิด/ปิดเสียง ให้เลื่อนสวิตช์ไปทางจอภาพเพื่อให้ตัวแสดงสถานะสีส้มไม่แสดงขึ้น ซึ่งเป็นตำแหน่งเปิดเสียง ในรุ่นที่มีปุ่มแอ็คชั่น ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ตั้งเป็นเปิดเสียงด้วยปุ่มแอ็คชั่นหรือศูนย์ควบคุม

  2. ใช้โทรศัพท์เครื่องอื่นโทรไปยัง iPhone

  3. ฟังและสัมผัส iPhone ขณะที่เครื่องกำลังส่งเสียงเรียกเข้า iPhone ควรส่งเสียงเรียกเข้าและสั่น

  4. บน iPhone ที่มีสวิตช์เปิด/ปิดเสียง ให้เลื่อนสวิตช์ออกจากจอภาพเพื่อให้ตัวแสดงสถานะสีส้มแสดงขึ้น ซึ่งเป็นตำแหน่งปิดเสียง ในรุ่นที่มีปุ่มแอ็คชั่น ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ตั้งเป็นปิดเสียงด้วยปุ่มแอ็คชั่นหรือศูนย์ควบคุม

  5. ฟังและสัมผัส iPhone ขณะที่เครื่องกำลังส่งเสียงเรียกเข้า iPhone ควรสั่นแต่ไม่ส่งเสียงเรียกเข้า

  6. วางสาย

แกะเปิดและตรวจสอบ iPhone

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบเพื่อวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อม iPhone เพื่อแกะเปิดและตรวจสอบ iPhone อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

ตรวจสอบสายแพและขั้วต่อภายในที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจหาความเสียหายหรือการดัดแปลง เช่น แผ่นฟิล์มหรือสิ่งแปลกปลอมขวางขั้วต่อ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าว

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยน Taptic Engine

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดอุปกรณ์และตรวจสอบยืนยันว่า Taptic Engine ทำงานเป็นปกติ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

วันที่เผยแพร่: