คู่มือผู้ใช้ iPad
- ยินดีต้อนรับ
-
- รุ่นที่รองรับ
- iPad mini (รุ่นที่ 5)
- iPad mini (รุ่นที่ 6)
- iPad (รุ่นที่ 5)
- iPad (รุ่นที่ 6)
- iPad (รุ่นที่ 7)
- iPad (รุ่นที่ 8)
- iPad (รุ่นที่ 9)
- iPad (รุ่นที่ 10)
- iPad Air (รุ่นที่ 3)
- iPad Air (รุ่นที่ 4)
- iPad Air (รุ่นที่ 5)
- iPad Pro 9.7 นิ้ว
- iPad Pro 10.5 นิ้ว
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1)
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 2)
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3)
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 4)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 1)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 2)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 4)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 6)
- มีอะไรใหม่ใน iPadOS 16
-
-
- ตั้งค่า FaceTime
- สร้างลิงก์ FaceTime
- โทรออกและรับสาย
- ถ่าย Live Photos
- เปิดใช้คำบรรยายเสียงสดในสายโทร FaceTime
- ใช้แอปอื่นระหว่างโทรศัพท์
- โทร FaceTime แบบกลุ่ม
- ดูผู้เข้าร่วมในรูปแบบตาราง
- ใช้ SharePlay เพื่อดู ฟัง และเล่นด้วยกัน
- แชร์หน้าจอของคุณ
- ส่งต่อจากสายโทร FaceTime ไปยังอุปกรณ์อีกเครื่องหนึ่ง
- เปลี่ยนการตั้งค่าวิดีโอ
- เปลี่ยนการตั้งค่าเสียง
- เพิ่มเอฟเฟ็กต์กล้อง
- ออกจากการโทรหรือสลับไปใช้แอปข้อความ
- ปิดกั้นผู้โทรที่ไม่ต้องการ
-
- ดูแผนที่
-
- ค้นหาสถานที่
- ค้นหาสถานที่น่าสนใจ ร้านอาหาร และบริการที่อยู่ใกล้เคียง
- รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่
- ทำเครื่องหมายสถานที่
- แชร์สถานที่
- จัดอันดับสถานที่
- บันทึกสถานที่โปรด
- สำรวจสถานที่ใหม่ๆ ด้วยสถานที่น่าสนใจ
- จัดระเบียบสถานที่ในสถานที่น่าสนใจของฉัน
- รับข้อมูลจราจรและข้อมูลสภาพอากาศ
- ลบตำแหน่งที่ตั้งสำคัญ
- ค้นหาการตั้งค่าแผนที่ของคุณ
-
- ตั้งค่าแอปข้อความ
- ส่งและตอบกลับข้อความ
- เลิกส่งและแก้ไขข้อความ
- ติดตามข้อความและการสนทนา
- ส่งต่อและแชร์ข้อความ
- ตั้งค่าการสนทนาแบบกลุ่ม
- เพิ่มรูปภาพและวิดีโอ
- ส่งและรับเนื้อหา
- ดู ฟัง หรือเล่นด้วยกันโดยใช้ SharePlay
- ใช้งานโปรเจ็กต์ร่วมกัน
- ทำให้ข้อความเคลื่อนไหว
- ใช้แอป iMessage
- ใช้ Memoji
- ส่งเอฟเฟ็กต์ Digital Touch
- ส่งข้อความเสียงที่บันทึกไว้
- ส่งเงิน รับเงิน และขอเงินผ่าน Apple Cash
- เปลี่ยนการแจ้งเตือน
- ปิดกั้น ฟิลเตอร์ และแจ้งข้อความ
- ลบข้อความ
- กู้คืนข้อความที่ถูกลบ
-
- ดูรูปภาพและวิดีโอ
- เล่นวิดีโอและสไลด์โชว์
- ลบหรือซ่อนรูปภาพและวิดีโอ
- แก้ไขรูปภาพและวิดีโอ
- ตัดต่อความยาววิดีโอและปรับสโลว์โมชั่น
- แก้ไข Live Photos
- แก้ไขวิดีโอแบบภาพยนตร์
- แก้ไขรูปภาพในโหมดภาพถ่ายบุคคล
- ใช้อัลบั้มรูปภาพ
- แก้ไขและจัดระเบียบอัลบั้ม
- ฟิลเตอร์และเรียงรูปภาพและวิดีโอในอัลบั้ม
- ทำสำเนาและคัดลอกรูปภาพและวิดีโอ
- ผสานรูปภาพซ้ำ
- ค้นหาในแอปรูปภาพ
- ค้นหาและระบุผู้คนในแอปรูปภาพ
- เลือกหารูปภาพตามตำแหน่งที่ตั้ง
- แชร์รูปภาพและวิดีโอ
- แชร์วิดีโอแบบยาว
- ดูรูปภาพและวิดีโอที่แชร์กับคุณ
- ใช้ข้อความในภาพเพื่อโต้ตอบกับเนื้อหาในรูปภาพหรือวิดีโอ
- ใช้ค้นดูจากภาพเพื่อระบุวัตถุในรูปภาพของคุณ
- ยกสิ่งที่ถ่ายขึ้นจากพื้นหลังของรูปภาพ
- ดูความทรงจำ
- ปรับแต่งความทรงจำของคุณสำหรับคุณโดยเฉพาะ
- จัดการความทรงจำและรูปภาพแนะนำ
- นำเข้ารูปภาพและวิดีโอ
- พิมพ์รูปภาพ
- คำสั่งลัด
- เคล็ดลับ
-
- แชร์การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตของคุณ
- โทรออกและรับสายโทรศัพท์
- ใช้ iPad เป็นจอภาพที่สองสำหรับ Mac
- ใช้แป้นพิมพ์และเมาส์หรือแทร็คแพดบน Mac และ iPad ของคุณ
- ส่งต่องานระหว่างอุปกรณ์
- สตรีมวิดีโอ รูปภาพ และเสียงแบบไร้สายไปยัง Mac
- ตัด คัดลอก และวางระหว่าง iPad กับอุปกรณ์เครื่องอื่น
- เชื่อมต่อ iPad และคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยสาย
-
- ถ่ายโอนไฟล์ระหว่างอุปกรณ์
- ถ่ายโอนไฟล์โดยใช้อีเมล ข้อความ หรือ AirDrop
- อัปเดตไฟล์ให้ตรงกันอยู่เสมอโดยอัตโนมัติด้วย iCloud
- ถ่ายโอนไฟล์โดยใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก
- ใช้เซิร์ฟเวอร์ไฟล์เพื่อแชร์ไฟล์ระหว่าง iPad กับคอมพิวเตอร์ของคุณ
- แชร์ไฟล์กับบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์
- เชื่อมข้อมูลเนื้อหาหรือถ่ายโอนไฟล์โดยใช้ Finder หรือ iTunes
-
- เริ่มต้นด้วยคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึง
-
-
- เปิดใช้แล้วฝึกหัดใช้ VoiceOver
- เปลี่ยนการตั้งค่า VoiceOver ของคุณ
- เรียนรู้คำสั่งนิ้ว VoiceOver
- สั่งงาน iPad เมื่อ VoiceOver เปิดอยู่
- ควบคุม VoiceOver โดยใช้ตัวหมุน
- ใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- เขียนด้วยนิ้วของคุณ
- ใช้ VoiceOver กับแป้นพิมพ์ภายนอกของ Apple
- ใช้เครื่องแสดงผลอักษรเบรลล์
- ป้อนอักษรเบรลล์ให้แสดงบนหน้าจอ
- กำหนดคำสั่งนิ้วและคำสั่งลัดแป้นพิมพ์เอง
- ใช้ VoiceOver กับอุปกรณ์ตัวชี้
- ใช้ VoiceOver สำหรับภาพและวิดีโอ
- ใช้ VoiceOver ในแอปต่างๆ
- ซูม
- อยู่เหนือข้อความ
- จอภาพและขนาดข้อความ
- การเคลื่อนไหว
- การอ่านเนื้อหา
- คำบรรยายเสียง
-
-
- ใช้การปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในตัว
- ทำให้ Apple ID ของคุณปลอดภัย
-
- ลงชื่อเข้าด้วยพาสคีย์
- ลงชื่อเข้าด้วย Apple
- ป้อนรหัสผ่านที่ปลอดภัยสูงโดยอัตโนมัติ
- เปลี่ยนรหัสผ่านที่ปลอดภัยต่ำหรือถูกลดหย่อนความปลอดภัย
- ดูรหัสผ่านและข้อมูลที่เกี่ยวข้องของคุณ
- แชร์พาสคีย์และรหัสผ่านอย่างปลอดภัยด้วย AirDrop
- ทำให้พาสคีย์และรหัสผ่านของคุณมีบนอุปกรณ์ทุกเครื่องของคุณ
- ป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันโดยอัตโนมัติ
- ลงชื่อเข้าด้วยความท้าทาย CAPTCHA ที่น้อยลงบน iPad
- จัดการการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับ Apple ID ของคุณ
- ใช้รหัสความปลอดภัย
- สร้างและจัดการที่อยู่สำหรับซ่อนอีเมลของฉัน
- ปกป้องการท่องเว็บของคุณด้วย iCloud Private Relay
- ใช้ที่อยู่เครือข่ายส่วนตัว
- ใช้การปกป้องข้อมูลขั้นสูง
- โหมดล็อคดาวน์
-
- ข้อมูลด้านความปลอดภัยที่สำคัญ
- ข้อมูลด้านการดูแลที่สำคัญ
- ค้นหาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และบริการ
- แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ FCC
- แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ ISED Canada
- Apple กับสิ่งแวดล้อม
- ข้อมูลเกี่ยวกับเลเซอร์คลาส 1
- ข้อมูลด้านการกำจัดและการรีไซเคิล
- การแก้ไข iPadOS โดยไม่ได้รับอนุญาต
- แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ ENERGY STAR
- ลิขสิทธิ์
เปลี่ยนการตั้งค่า Siri บน iPad
คุณสามารถเปลี่ยนเสียงของ Siri ป้องกันการเข้าถึง Siri เมื่ออุปกรณ์ของคุณล็อคอยู่ และอื่นๆ ได้
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีตั้งค่าและใช้งาน Siri ให้ดูที่ใช้ Siri บน iPad ในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสำหรับคำแนะนำโดย Siri ให้ดูที่คำแนะนำโดย Siri บน iPad
เปลี่ยนแปลงเวลาที่ Siri ตอบกลับ
คุณสามารถกำหนดได้ว่า Siri จะตอบสนองต่อเสียงของคุณหรือการกดปุ่มได้หรือไม่ คุณยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะให้ Siri ตอบกลับภาษาใด
ไปที่ การตั้งค่า > Siri และการค้นหา แล้วปฏิบัติตามวิธีใดๆ ต่อไปนี้:
ป้องกันไม่ให้ Siri ตอบสนองต่อคำขอด้วยเสียงพูดคำว่า “หวัดดี Siri”: ปิดใช้ ฟัง “หวัดดี Siri”
ป้องกันไม่ให้ Siri ตอบสนองต่อปุ่มโฮมหรือปุ่มด้านบน: ปิดใช้ กดปุ่มโฮมเพื่อคุยกับ Siri (บน iPad ที่มีปุ่มโฮม) หรือกดปุ่มด้านบนเพื่อคุยกับ Siri (บน iPad รุ่นอื่น)
ป้องกันการเข้าถึง Siri เมื่อ iPad ล็อคอยู่: ปิดใช้ อนุญาต Siri ขณะล็อคอยู่
เปลี่ยนภาษาที่ Siri จะตอบสนอง: แตะ ภาษา แล้วเลือกภาษาใหม่
คุณยังสามารถเรียกใช้ Siri โดยการพิมพ์ได้ด้วย ให้ดูที่ป้อนแทนการพูดกับ Siri
เปลี่ยนเสียงของ Siri
คุณสามารถเปลี่ยนเสียง Siri ได้ (ไม่ได้มีสำหรับทุกภาษา)
ไปที่ การตั้งค่า > Siri และการค้นหา
แตะ เสียง Siri จากนั้นเลือกลักษณะหรือเสียงต่างๆ
เปลี่ยนแปลงวิธีที่ Siri ตอบกลับ
Siri สามารถตอบกลับแบบออกเสียงหรือไม่มีเสียง (ด้วยข้อความบนหน้าจอ) ได้ คุณยังสามารถดูคำขอของคุณบนหน้าจอได้อีกด้วย
ไปที่ การตั้งค่า > Siri และการค้นหา แล้วปฏิบัติตามวิธีใดๆ ต่อไปนี้:
เปลี่ยนแปลงเวลาที่ Siri ส่งเสียงพูดตอบกลับ: แตะ การตอบของ Siri แล้วเลือกตัวเลือกด้านล่างเสียงพูดโต้ตอบ
ดูการตอบกลับจาก Siri บนหน้าจอเสมอ: แตะ การตอบของ Siri แล้วเปิดใช้ แสดงคำพูดของเสียง Siri ตลอดเวลา
ดูคำขอของคุณบนหน้าจอ: แตะ การตอบของ Siri แล้วเปิดใช้ แสดงข้อความถอดเสียงพูดเสมอ
เปลี่ยนการตั้งค่า Siri สำหรับ FaceTime และข้อความ
คุณสามารถทำงานต่างๆ สำหรับ FaceTime และข้อความ ได้โดยใช้แค่เสียงของคุณ ด้วย Siri คุณสามารถวางสายและข้ามขั้นตอนการยืนยันเมื่อส่งข้อความได้ คุณสามารถเปิดใช้งานคุณสมบัติเหล่านี้ได้ในการตั้งค่า
ไปที่ การตั้งค่า > Siri และการค้นหา แล้วปฏิบัติตามวิธีใดๆ ต่อไปนี้:
วางสายโทร FaceTime: แตะ วางสายโทร แล้วเปิดใช้ วางสายโทร ให้ดูที่โทรและรับสายโทร FaceTime บน iPad
ส่งข้อความโดยไม่ต้องยืนยัน: แตะ ส่งข้อความโดยอัตโนมัติ แล้วเปิดใช้ ส่งข้อความโดยอัตโนมัติ ให้ดูที่ส่งและตอบกลับข้อความบน iPad
บนหูฟังที่รองรับ Siri ยังสามารถอ่านชื่อสายเรียกเข้า อ่านข้อความ และอื่นๆ ได้อีกด้วย
เปลี่ยนแอปที่จะแสดงขึ้นมาในการค้นหา
คุณสามารถเปลี่ยนแอปที่จะแสดงขึ้นมาเมื่อคุณค้นหาด้วย Siri ได้
ไปที่ การตั้งค่า > Siri และการค้นหา แล้วเลือกแอป
เปิดใช้หรือปิดใช้การตั้งค่า
ฝึก Siri อีกครั้งด้วยเสียงของคุณ
ไปที่ การตั้งค่า > Siri และการค้นหา ปิดใช้ ฟังคำว่า “หวัดดี Siri” แล้วเปิดใช้ ฟังคำว่า “หวัดดี Siri” อีกครั้ง
ในการเปลี่ยนการช่วยการเข้าถึงสำหรับ Siri ให้ดูที่ใช้คุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงด้วย Siri บน iPad
ถ้า Siri ไม่ทำงานตามที่คาดไว้บน iPad ของคุณ ให้ดูบทความบริการช่วยเหลือของ Apple ถ้า “หวัดดี Siri” ไม่ทำงานบน iPhone หรือ iPad ของคุณ