DATE

ฟังก์ชั่น DATE จะนำค่าปี เดือน และวันซึ่งแยกกันอยู่มารวมกัน แล้วส่งค่ากลับมาเป็น ค่าวันที่/เวลา ถึงแม้ว่าโดยปกติจะสามารถระบุวันที่โดยตรงเป็นสตริงได้ (ตัวอย่างเช่น “12/31/2010”) แต่การใช้ฟังก์ชั่น DATE จะทำให้แน่ใจได้ว่าวันที่จะถูกตีความอย่างถูกต้อง โดยไม่คำนึงถึงรูปแบบวันที่ที่ระบุในการตั้งค่าภาษาและภูมิภาค (ในการตั้งค่าระบบใน macOS และในการตั้งค่าใน iOS และ iPadOS) หรือในการตั้งค่าเขตเวลาและภูมิภาคในการตั้งค่า iCloud อาร์กิวเมนต์ทั้งหมดเป็นค่าตัวเลข

DATE(ปี, เดือน, วัน)

ปี: ปีที่จะรวมอยู่ในค่าที่ส่งกลับมา โดยค่านั้นจะไม่ถูกแปลง ถ้าคุณระบุค่าเป็น 10 จะนำปี 10 มาใช้ ไม่ใช่ปี 1910 หรือ 2010

เดือน: เดือนที่จะรวมอยู่ในค่าที่ส่งกลับมา เดือนควรจะอยู่ในช่วง 1 ถึง 12

วัน: วันที่จะรวมอยู่ในค่าที่ส่งกลับมา วันควรจะอยู่ในช่วง 1 ถึงจำนวนวันของเดือน

ตัวอย่างเช่น
ถ้า A1 ประกอบด้วย 2014, A2 ประกอบด้วย 11 และ A3 ประกอบด้วย 10: =DATE(A1,A2,A3) จะส่งค่ากลับมาเป็น 10 พ.ย. 2014 ซึ่งจะแสดงผลตามรูปแบบปัจจุบันของเซลล์ =DATE(A1,A3,A2) จะส่งค่ากลับมาเป็น 11 ต.ค. 2014

ตัวอย่างเช่น

ถ้า A1 ประกอบด้วย 2014, A2 ประกอบด้วย 11 และ A3 ประกอบด้วย 10:

=DATE(A1,A2,A3) จะส่งค่ากลับมาเป็น 10 พ.ย. 2014 ซึ่งจะแสดงผลตามรูปแบบปัจจุบันของเซลล์

=DATE(A1,A3,A2) จะส่งค่ากลับมาเป็น 11 ต.ค. 2014

ดูเพิ่มเติมDATEVALUE TIME

เป็นประโยชน์ไหม

วิธีใช้สูตรและฟังก์ชั่น

DATE