การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอินพุต/เอาท์พุตสำหรับแล็ปท็อป Mac

การแก้ไขปัญหาด้านการทำงานของคีย์บอร์ด

การแก้ไขปัญหาแบ็คไลท์คีย์บอร์ด

การแก้ไขปัญหาแทร็คแพด

การแก้ไขปัญหาปุ่มเปิดปิดหรือ Touch ID

การแก้ไขปัญหา USB-C, Thunderbolt และ HDMI

การแก้ไขปัญหาการ์ด SD

การแก้ไขปัญหาด้านการทำงานของคีย์บอร์ด

ระบุปัญหา

  • ขณะพิมพ์ ตัวอักษรหรืออักขระจากคีย์บอร์ดถูกพิมพ์ซ้ำโดยไม่คาดคิด

  • ขณะพิมพ์ ระบบไม่รู้จักหรือไม่แสดงตัวอักษรหรืออักขระจากคีย์บอร์ด

  • ขณะพิมพ์ อักขระที่แสดงไม่ตรงกับปุ่มที่กด

  • ปุ่มหนืด ดีดกลับขึ้นด้านบนได้ช้า หรือไม่ตอบสนอง

  • ปุ่มค้างอยู่ที่ตำแหน่งกดลงหรือดีดขึ้น

  • ปุ่มส่งเสียงรบกวนที่ไม่คาดคิดเมื่อกด

  • กดปุ่มแล้วรู้สึกไม่เสมอกันหรือฝืด

  • ปุ่มไม่ตอบสนอง ให้ความรู้สึกอ่อนยวบ หรือไม่สามารถกดให้ลงจนสุดได้

  • ปุ่มคีย์บอร์ดหรือกลไกสวิตช์ปุ่มพังหรือสูญหาย

  • คีย์บอร์ดล็อค

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. หากมีคีย์บอร์ดบลูทูธและจับคู่อยู่กับคอมพิวเตอร์ ให้เลิกจับคู่ คีย์บอร์ดดังกล่าวอาจกำลังแทนที่คำสั่งป้อนข้อมูลที่ส่งจากคีย์บอร์ดในตัว

  2. ตรวจสอบคอมพิวเตอร์เพื่อหาความเสียหายจากของเหลว การสัมผัสกับของเหลวอาจทำให้เกิดการลัดวงจรภายใน และทำให้คีย์บอร์ดหยุดทำงาน

  3. ทำความสะอาดคีย์บอร์ด

  4. ตรวจสอบว่าปุ่มเมาส์ไม่ได้เปิดอยู่ เมื่อปุ่มเมาส์เปิดอยู่จะไม่สามารถใช้คีย์บอร์ดเพื่อป้อนข้อความได้ ดูคำแนะนำในการปิดปุ่มเมาส์ที่ เปลี่ยนการตั้งค่าวิธีควบคุมสำรองสำหรับการช่วยการเข้าถึงบน Mac

  5. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทําตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. หากคีย์บอร์ดในตัวไม่ทำงาน ให้เชื่อมต่อคีย์บอร์ดภายนอกกับคอมพิวเตอร์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

  2. กดปุ่ม Caps Lock บนคีย์บอร์ดในตัวเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าไฟแสดงสถานะติดสว่าง ซึ่งจะบ่งบอกว่ามีการเชื่อมต่อกับลอจิกบอร์ดบางส่วน โปรดทราบว่าการกดปุ่ม Caps Lock บนคีย์บอร์ด Apple อาจไม่เปิดใช้งานฟังก์ชั่น Caps Lock ทันที โดยจะต้องกดปุ่มค้างไว้นานขึ้นเล็กน้อยเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Caps Lock วิธีนี้มีไว้เพื่อป้องกันการเปิดใช้งานโหมด Caps Lock โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นลักษณะปกติและไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นปัญหาที่ต้องรับบริการ

  3. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยตัวตรวจสอบทรัพยากร Mac (MRI)

  4. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยคีย์บอร์ด

    • หมายเหตุ: การวินิจฉัยเพียงตรวจสอบยืนยันการทำงานเชิงไฟฟ้าของคีย์บอร์ดเท่านั้น

  5. หาก MacBook หรือ MacBook Pro ของคุณมีปุ่มที่ไม่ตอบสนองหรือปุ่มที่กดแล้วให้ความรู้สึกแตกต่างจากปุ่มอื่นๆ ให้ทำความสะอาดคีย์บอร์ด

  6. หลังจากทำความสะอาดคีย์บอร์ดแล้ว ให้ทดสอบคีย์บอร์ดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกปุ่มของคีย์บอร์ดทำงานเป็นปกติ

  7. หากขั้นตอนก่อนหน้านี้ไม่ได้ช่วยให้จำแนกหรือแก้ไขปัญหาได้ ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อถอดและเปลี่ยนปุ่มคีย์บอร์ดที่ได้รับผลกระทบ เพื่อทำความสะอาดและตรวจสอบใต้ปุ่มคีย์บอร์ด ควรเปลี่ยนปุ่มคีย์บอร์ดทุกครั้งที่ถอดปุ่มคีย์บอร์ดออกเพื่อการตรวจสอบหรือทำความสะอาด

    • ข้อสำคัญ: ก่อนที่จะถอดปุ่มคีย์บอร์ด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีชุดปุ่มคีย์บอร์ดสำหรับเปลี่ยนที่ตรงรุ่นและพร้อมใช้งาน เมื่อถอดปุ่มคีย์บอร์ดออกแล้ว จะต้องเปลี่ยนแทนด้วยปุ่มคีย์บอร์ดปุ่มใหม่ อย่าใช้ปุ่มคีย์บอร์ดชิ้นเดิม

  8. ทำความสะอาดชิ้นส่วนอะลูมิเนียมด้านในของปุ่มคีย์บอร์ดให้ดีเพื่อขจัดคราบของเหลวที่อาจมีอยู่

  9. ตรวจสอบกลไกแบบกรรไกรเพื่อดูว่าใช้งานได้และไม่มีหมุดที่เสียหายหรือความเสียหายอื่นๆ และสามารถเปลี่ยนกลไกแบบกรรไกรได้ หากเสียหาย

  10. ตรวจสอบปุ่มยางเพื่อดูความเสียหาย เปลี่ยนปุ่มคีย์บอร์ดและกลไกแบบกรรไกรได้ แต่เปลี่ยนปุ่มยางไม่ได้ ปุ่มยางที่เสียหายต้องเปลี่ยนฝาครอบตัวเครื่องด้านบนทั้งชิ้น

  11. ข้อสำคัญ: ในแล็ปท็อป Mac บางรุ่น สัญญาณคีย์บอร์ดและแบ็คไลท์คีย์บอร์ดจะเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดผ่านสายแพแทร็คแพด ดังนั้นแทร็คแพดและสายแพแทร็คแพดที่ขัดข้องอาจทำให้เกิดปัญหากับคีย์บอร์ดหรือทำให้ทั้งคีย์บอร์ดและแทร็คแพดไม่ตอบสนอง หากมีแทร็คแพดและสายแพแทร็คแพดที่ใช้งานได้ ให้นำมาใช้แทนทั้งสองอย่าง และทดสอบการทำงานของแทร็คแพดและคีย์บอร์ดอีกครั้ง การเปลี่ยนแทร็คแพดหรือสายแพแทร็คแพดอาจแก้ไขอาการไม่ตอบสนองของส่วนประกอบทั้งสองได้

    • หมายเหตุ: สายแพแทร็คแพดอาจเป็นส่วนหนึ่งของแทร็คแพดและอาจไม่สามารถเปลี่ยนแยกต่างหากได้ในบางรุ่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมในคู่มือการซ่อม

แกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์

หากแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบการวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อแกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์ อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

  1. ทำตามหลักปฏิบัติที่ระบุไว้ในคู่มือการซ่อมเพื่อถอดฝาครอบตัวเครื่องด้านล่างออกและถอดแบตเตอรี่ออกจากลอจิกบอร์ด

  2. แล็ปท็อปบางรุ่นใช้เซ็นเซอร์มุมฝาเพื่อตรวจจับเมื่อฝาจอภาพเปิดหรือปิดอยู่ โมดูลเซ็นเซอร์มุมฝาที่ทำงานผิดปกติอาจกระทบกับการทำงานของคีย์บอร์ดและแทร็คแพด

  3. แล็ปท็อปบางรุ่น เช่น MacBook Pro (13 นิ้ว, ชิป M1, ปี 2020) มีสายแพคีย์บอร์ดเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นส่วนประกอบฝาครอบตัวเครื่องด้านบน ซึ่งในแล็ปท็อปรุ่นอื่นๆ เช่น MacBook Air (ชิป M1, ปี 2020) สัญญาณแบ็คไลท์คีย์บอร์ดจะเชื่อมต่อผ่านสายแพ IPD และบอร์ดที่รวมเข้าด้วยกัน มองหาขั้วต่อสายแพคีย์บอร์ดและ IPD ทั้งหมด (ขึ้นอยู่กับรุ่น) และตรวจสอบว่ามีสายทั้งหมดและเชื่อมต่ออยู่ หากสายแพของคีย์บอร์ดหรือ IPD หายไป แสดงว่าอาจอยู่ใต้ลอจิกบอร์ดหรือบอร์ดอื่น ถอดบอร์ดออกเพื่อหาสายแพ

  4. เปลี่ยนสายแพที่เสียหาย

  5. ติดตั้งและเสียบสายแพคีย์บอร์ดหรือสายแพ IPD ทั้งหมดกลับเข้าที่อย่างระมัดระวัง ประกอบคอมพิวเตอร์กลับตามเดิมและเรียกใช้การวินิจฉัยอีกครั้ง

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วน

หากแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนฝาครอบตัวเครื่องด้านบน

หากพบว่าแทร็คแพดหรือสายแพแทร็คแพดทําให้เกิดปัญหาด้านการทํางานของคีย์บอร์ด ให้เปลี่ยนแทร็คแพด หรือสายแพแทร็คแพด

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และตรวจสอบยืนยันว่าทั้งคีย์บอร์ดและแทร็คแพดทำงานเป็นปกติ ใช้ชุดการวินิจฉัยคีย์บอร์ดเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าทุกปุ่มทำงานหลังการซ่อม รวมถึงปุ่มปรับค่า

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาแบ็คไลท์คีย์บอร์ด

ระบุปัญหา

  • คีย์บอร์ดทำงานเป็นปกติ ยกเว้นแบ็คไลท์ที่ไม่ทำงานอย่างที่ควรเป็น

  • แบ็คไลท์คีย์บอร์ดไม่เริ่มต้นทำงานในที่มืด

  • คีย์บอร์ดแบ็คไลท์ให้แสงไม่สม่ำเสมอ

  • มีบางส่วนของคีย์บอร์ดที่ไม่ติดสว่าง

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบไม่ถูกบัง โดยเซ็นเซอร์นี้อยู่ตรงด้านบนของจอภาพคอมพิวเตอร์ บริเวณใกล้กับกล้อง แบ็คไลท์คีย์บอร์ดใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบเพื่อให้ติดสว่างในสภาวะแสงน้อย

  2. ตรวจสอบคอมพิวเตอร์เพื่อหาความเสียหายจากของเหลว การสัมผัสกับของเหลวอาจทำให้เกิดการลัดวงจรภายใน และทำให้คีย์บอร์ดหยุดทำงาน

  3. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทําตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยจำแนกสาเหตุของปัญหา

  1. หากคีย์บอร์ดในตัวไม่ทำงาน ให้เชื่อมต่อคีย์บอร์ดภายนอกกับคอมพิวเตอร์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

  2. กดปุ่ม Caps Lock บนคีย์บอร์ดในตัวเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าไฟแสดงสถานะติดสว่าง ซึ่งจะบ่งบอกว่ามีการเชื่อมต่อกับลอจิกบอร์ดบางส่วน

    • หมายเหตุ: การกดปุ่ม Caps Lock บนคีย์บอร์ด Apple อาจไม่เปิดใช้งานฟังก์ชั่น Caps Lock ทันที โดยจะต้องกดปุ่มค้างไว้นานขึ้นเล็กน้อยเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Caps Lock วิธีนี้มีไว้เพื่อป้องกันการเปิดใช้งานโหมด Caps Lock โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นลักษณะปกติและไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นปัญหาที่ต้องรับบริการ

  3. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยตัวตรวจสอบทรัพยากร Mac (MRI)

  4. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยคีย์บอร์ด

  5. ตรวจสอบการทำงานของเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ (ALS) โดยใช้มือบังเซ็นเซอร์ (ที่อยู่ในชิ้นส่วนประกอบจอภาพใกล้กับกล้อง) เพื่อจำลองสถานที่มืด ตรวจสอบว่าความสว่างของแบ็คไลท์คีย์บอร์ดเพิ่มขึ้นหรือไม่

  6. ปิด ALS ไว้และใช้ Controls เพื่อเพิ่มระดับแบ็คไลท์คีย์บอร์ด

แกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์

หากแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบการวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อแกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์ อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

  1. ทำตามหลักปฏิบัติที่ระบุไว้ในคู่มือการซ่อมเพื่อถอดฝาครอบตัวเครื่องด้านล่างออกและถอดแบตเตอรี่ออกจากลอจิกบอร์ด

  2. แล็ปท็อปบางรุ่นมีสายแพแบ็คไลท์คีย์บอร์ดเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นส่วนประกอบฝาครอบตัวเครื่องด้านบน ซึ่งในแล็ปท็อปรุ่นอื่นๆ สัญญาณแบ็คไลท์คีย์บอร์ดจะเชื่อมต่อผ่านสายแพ IPD และบอร์ดที่รวมเข้าด้วยกัน บางรุ่นอาจมีสายแพแบ็คไลท์คีย์บอร์ดมากกว่าหนึ่งสาย สายแต่ละเส้นจะจ่ายไฟแบ็คไลท์คีย์บอร์ดด้านใดด้านหนึ่ง (ด้านซ้ายหรือด้านขวา) และในบางรุ่นจะมีสายเส้นที่สามที่จ่ายไฟทั้งสองด้าน

  3. มองหาขั้วต่อสายแพคีย์บอร์ดและ IPD ทั้งหมด (ขึ้นอยู่กับรุ่น) และตรวจสอบว่ามีสายทั้งหมดและเชื่อมต่ออยู่ หากสายแพของคีย์บอร์ดหรือ IPD หายไป แสดงว่าอาจอยู่ใต้ลอจิกบอร์ดหรือบอร์ดอื่น ถอดบอร์ดออกเพื่อหาสายแพ

  4. ทดสอบอีกครั้งในสภาพแสงน้อยเพื่อใช้งานแบ็คไลท์คีย์บอร์ด ปรับแบ็คไลท์คีย์บอร์ดโดยใช้ตัวควบคุม

  5. ข้อสำคัญ: ในแล็ปท็อป Mac บางรุ่น สัญญาณคีย์บอร์ดและแบ็คไลท์คีย์บอร์ดจะเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดผ่านสายแพแทร็คแพด ดังนั้นสายแพแทร็คแพดที่ขัดข้องอาจทำให้เกิดปัญหากับคีย์บอร์ดหรือทำให้ทั้งคีย์บอร์ดและแทร็คแพดไม่ตอบสนอง หากมีสายแพแทร็คแพดที่ใช้งานได้ ให้นำมาใช้แทนและทดสอบการทำงานของแทร็คแพดและคีย์บอร์ดอีกครั้ง การเปลี่ยนสายแพแทร็คแพดอาจแก้ไขอาการไม่ตอบสนองของส่วนประกอบทั้งสองได้

    • หมายเหตุ: สายแพแทร็คแพดอาจเป็นส่วนหนึ่งของแทร็คแพดและอาจไม่สามารถเปลี่ยนแยกต่างหากได้ในบางรุ่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมในคู่มือการซ่อม

  6. เปลี่ยนสายแพที่เสียหาย

  7. ติดตั้งและเสียบสายแพแบ็คไลท์คีย์บอร์ดทั้งหมดกลับเข้าที่อย่างระมัดระวัง ประกอบคอมพิวเตอร์กลับตามเดิมและเรียกใช้การวินิจฉัยอีกครั้ง

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วน

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนฝาครอบตัวเครื่องด้านบน

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และตรวจสอบยืนยันว่าคีย์บอร์ดและแบ็คไลท์คีย์บอร์ดทำงานเป็นปกติ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแทร็คแพด

ระบุปัญหา

  • เคอร์เซอร์ไม่ขยับเมื่อใช้การป้อนข้อมูลด้วยแทร็คแพด

  • คุณสมบัติ Multi-Touch ไม่ทำงานอย่างที่ควรเป็น

  • แทร็คแพดไม่ตอบสนองต่อการคลิก

  • แทร็คแพดมีปัญหาการตอบสนองแบบสั่น

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นทำความสะอาดพื้นผิวแทร็คแพดโดยใช้ผ้านุ่มที่ไม่เป็นขุย

  2. ตรวจสอบหาความเสียหายบนแทร็คแพดด้วยตาเพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยต่างๆ เช่น ความชื้น โลชั่นทามือ หรือเครื่องประดับ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของแทร็คแพด หลีกเลี่ยงการสัมผัสแทร็คแพดด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกัน

  3. ในการตั้งค่าระบบ > การช่วยการเข้าถึง ให้ปิดใช้งานการตั้งค่า "คีย์บอร์ด" และ "เมาส์และแทร็คแพด" ที่มีการช่วยเหลือทั้งหมด ทดสอบการทำงานของแทร็คแพดอีกครั้ง

  4. ในการตั้งค่าระบบ > แทร็คแพด ให้ตรวจสอบและปรับแรงกดคลิกและความเร็วของแทร็คแพด การตั้งค่าสูงหรือต่ำเกินไปอาจเป็นปัญหากับแทร็คแพดได้

  5. ถอดอุปกรณ์บลูทูธทั้งหมดออก ในการตั้งค่าระบบ > บลูทูธ ให้คลิกปุ่ม 'X' ที่อยู่ถัดจากอุปกรณ์ทุกเครื่อง

  6. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทําตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. หากแทร็คแพดในตัวไม่ทำงาน ให้เชื่อมต่อเมาส์หรือแทร็คแพดภายนอกกับคอมพิวเตอร์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

  2. หากแทร็คแพดไม่ทำงาน เป็นไปได้ว่าคอมพิวเตอร์กำลังแสดงการแจ้งเตือนแบตเตอรี่ต่ำที่คุณมองไม่เห็น ให้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับอะแดปเตอร์แปลงไฟเพื่อดูการแจ้งเตือนดังกล่าว

  3. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยตัวตรวจสอบทรัพยากร Mac (MRI)

  4. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยแทร็คแพด

  5. แล็ปท็อปบางรุ่นใช้เซ็นเซอร์มุมฝาเพื่อตรวจจับเมื่อฝาจอภาพเปิดหรือปิดอยู่ โมดูลเซ็นเซอร์มุมฝาที่ทำงานผิดปกติอาจกระทบกับการทำงานของคีย์บอร์ดและแทร็คแพด

  6. ข้อสำคัญ: ในแล็ปท็อป Mac บางรุ่น สัญญาณคีย์บอร์ดและแบ็คไลท์คีย์บอร์ดจะเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดผ่านสายแพแทร็คแพด ดังนั้นสายแพแทร็คแพดที่ขัดข้องอาจทำให้เกิดปัญหากับคีย์บอร์ดหรือทำให้ทั้งคีย์บอร์ดและแทร็คแพดไม่ตอบสนอง หากมีสายแพแทร็คแพดที่ใช้งานได้ ให้นำมาใช้แทนและทดสอบการทำงานของแทร็คแพดและคีย์บอร์ดอีกครั้ง การเปลี่ยนสายแพแทร็คแพดอาจแก้ไขอาการไม่ตอบสนองของส่วนประกอบทั้งสองได้

    • หมายเหตุ: สายแพแทร็คแพดอาจเป็นส่วนหนึ่งของแทร็คแพดและอาจไม่สามารถเปลี่ยนแยกต่างหากได้ในบางรุ่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมในคู่มือการซ่อม

แกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์

หากแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบการวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อแกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์ อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วน

หากปัญหานี้แก้ไขไม่สำเร็จหรือจำแนกไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้า ให้เปลี่ยนแทร็คแพด หากไม่มีแทร็คแพดพร้อมให้ใช้งานเป็นชิ้นส่วนแยกต่างหาก ให้เปลี่ยนฝาครอบตัวเครื่องด้านบนซึ่งมีแทร็คแพดในบางรุ่น

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และตรวจสอบยืนยันว่าแทร็คแพดทำงานเป็นปกติ

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาปุ่มเปิดปิดหรือ Touch ID

ระบุปัญหา

อ่านบทความนี้หากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ ต่อไปนี้

  • ปุ่มเปิดปิดกดแล้วไม่ค่อยคลิกหรือไม่คลิกเลย

  • ปุ่มเปิดปิดแข็งหรือมีฟองอากาศเมื่อกด

  • Touch ID ไม่สามารถอ่านลายนิ้วมือได้

  • ไม่สามารถลงทะเบียนนิ้วมือใน Touch ID ได้

  • ไม่สามารถปลดล็อคคอมพิวเตอร์ด้วย Touch ID ได้

  • ไม่สามารถซื้อสินค้าด้วย Apple Pay และ Touch ID ได้

  • ปัญหา Touch ID หลังจากเปลี่ยนลอจิกบอร์ด

หาก Touch ID ใช้งานไม่ได้บน Mac

หากยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือแล้ว ให้ดำเนินการต่อในส่วนถัดไป

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่านิ้วของคุณและเซ็นเซอร์ Touch ID สะอาดและแห้ง ใช้ผ้านุ่มไม่เป็นขุยทำความสะอาดคราบหรือเศษสิ่งสกปรกบนเซ็นเซอร์ Touch ID

  2. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทําตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยตัวตรวจสอบทรัพยากร Mac (MRI)

  2. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัย Touch ID

แกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์

หากแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบการวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อแกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์ อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

  • สำหรับปัญหาเกี่ยวกับความรู้สึกเวลากดปุ่มเปิดปิด ให้ถอดฝาครอบตัวเครื่องด้านล่างออกและถอดแบตเตอรี่ออกจากลอจิกบอร์ด ตรวจสอบช่องว่างระหว่างฝาครอบตัวเครื่องด้านบนและบอร์ด Touch ID เพื่อมองหาเศษสิ่งสกปรก หากพบเศษสิ่งสกปรกที่อาจรบกวนการทำงานของปุ่มเปิดปิด ให้ใช้ที่เป่าลมทำความสะอาดออกไป

  • การแก้ไขปุ่มเปิดปิดที่กดแล้วไม่ค่อยคลิกหรือรู้สึกว่าไม่เข้าที่ จะต้องใช้แผ่นชิม Touch ID หรือขันสกรูปรับตรงกลาง (ขึ้นอยู่กับรุ่น) ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อดูว่ารุ่นของคุณต้องใช้การปรับปุ่มประเภทใด

  • สำหรับรุ่นที่มีสกรูปรับ ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อเปลี่ยนการรับรู้สัมผัสการคลิกของ Touch ID และปุ่มเปิดปิดโดยใช้สกรูปรับตรงกลางเพื่อแก้ไขปัญหา

  • สำหรับรุ่นที่มีแผ่นชิม ปุ่ม Touch ID ที่ให้ความรู้สึกฝืดหรือหลวมเกินไปอาจเกิดจากการติดตั้งแผ่นชิมที่ไม่ถูกต้องโดยอาจมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไป หากปุ่ม Touch ID จัดตำแหน่งอยู่อย่างไม่ถูกต้อง ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อปรับตำแหน่งของบอร์ด Touch ID ในฝาครอบตัวเครื่องด้านบน หากปุ่มให้ความรู้สึกหลวมเกินไปหรืออ่อนยวบ ให้ใช้แผ่นชิมขนาดใหญ่ขึ้น หากปุ่มให้ความรู้สึกฝืดเกินไปหรือกดแล้วไม่ขยับ ให้ใช้แผ่นชิมขนาดเล็กลง ติดตั้งบอร์ด Touch ID เดิมเข้าไปใหม่โดยใช้แผ่นชิมใหม่

  • สำหรับปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของ Touch ID หรือปุ่มเปิดปิด ให้ทำตามหลักปฏิบัติที่ระบุไว้ในคู่มือการซ่อมเพื่อเข้าถึงบอร์ดและสายแพ Touch ID ถอดสายแพบอร์ด Touch ID ตรวจสอบความเสียหายบนสายแพและขั้วต่อที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยสายตา

  • เปลี่ยนสายแพที่เสียหาย

  • ติดตั้งและเสียบสายแพ Touch ID กลับเข้าที่อย่างระมัดระวัง ประกอบคอมพิวเตอร์กลับตามเดิมและเรียกใช้การวินิจฉัยอีกครั้ง

  • สำหรับปัญหาเกี่ยวกับ Touch ID หลังจากเปลี่ยนลอจิกบอร์ด ให้ทำดังนี้

    • ในรุ่นที่ Touch ID เชื่อมต่อโดยตรงกับลอจิกบอร์ด สาเหตุที่เป็นไปได้คือบอร์ด Touch ID เปลี่ยนบอร์ด Touch ID หากยังคงพบปัญหาเดิม ให้เปลี่ยนลอจิกบอร์ดและบอร์ด Touch ID

    • สำหรับรุ่นอื่นๆ สัญญาณ Touch ID จะถูกส่งผ่านชุดสายแพบอร์ดระบบเสียงหรือบอร์ดอื่นๆ เช่น บอร์ดอินเทอร์โพเซอร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่น การเปลี่ยนบอร์ดระบบเสียงหรือชิ้นส่วนประกอบฝาครอบตัวเครื่องด้านบนพร้อมคีย์บอร์ดอาจช่วยแก้ปัญหา Touch ID เช่น หลังจากเปลี่ยนลอจิกบอร์ด

    • หมายเหตุ: อย่าติดตั้งบอร์ดระบบเสียงหรือฝาครอบตัวเครื่องด้านบนเดิมที่มีคีย์บอร์ดกลับเข้าที่ หากการเปลี่ยนไม่สามารถแก้ไขปัญหา Touch ID ได้

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วน

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนบอร์ด Touch ID ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนปุ่มเปิดปิดด้วย

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และตรวจสอบยืนยันว่าปัญหาเกี่ยวกับ Touch ID หรือปุ่มเปิดปิดไม่ได้เกิดขึ้นอีก

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหา USB-C, Thunderbolt และ HDMI

ระบุปัญหา

อ่านบทความต่อไปนี้หากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ ต่อไปนี้

  • คอมพิวเตอร์ตรวจไม่พบอุปกรณ์ USB-C หรืออุปกรณ์ไม่มีกำลังไฟเมื่อเชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C ของคอมพิวเตอร์

  • คอมพิวเตอร์ตรวจไม่พบอุปกรณ์หรือจอภาพ Thunderbolt เมื่อเชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C ของคอมพิวเตอร์

  • คอมพิวเตอร์ไม่รู้จักจอภาพ HDMI หรือไม่แสดงภาพเมื่อเชื่อมต่อกับพอร์ต HDMI ของคอมพิวเตอร์ (สำหรับรุ่นที่มี HDMI)

ระบุพอร์ตบน Mac

เกี่ยวกับพอร์ตวิดีโอบน Mac

เกี่ยวกับพอร์ต Thunderbolt บน Mac

อะแดปเตอร์สำหรับพอร์ต Thunderbolt 4, Thunderbolt 3 หรือ USB-C บน Mac

เปลี่ยนอัตรารีเฟรชบน MacBook Pro หรือ Apple Pro Display XDR

เชื่อมต่อจอภาพกับ Mac

เชื่อมต่อกับ HDMI จาก Mac

จำนวนจอภาพที่สามารถเชื่อมต่อกับ MacBook Pro

หากจอภาพภายนอกมืดหรือมีความละเอียดต่ำ

หากยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือแล้ว ให้ดำเนินการต่อในส่วนถัดไป

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ตรวจสอบว่าคุณใช้อุปกรณ์ USB-C ภายนอก, อุปกรณ์ Thunderbolt หรือจอภาพไม่เกินจำนวนสูงสุดที่ระบุไว้สำหรับรุ่นนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเชื่อมต่อจอภาพภายนอกได้ที่ เชื่อมต่อจอภาพกับ Mac ของคุณ และ จำนวนจอภาพที่สามารถเชื่อมต่อกับ MacBook Pro

  2. ตรวจสอบพอร์ต USB-C และ HDMI รวมถึงช่องบนฝาครอบตัวเครื่องด้านบนทั้งหมดบนคอมพิวเตอร์เพื่อหาร่องรอยการผิดรูป ความเสียหาย หรือเศษสิ่งสกปรกที่อาจกีดขวางการเชื่อมต่อ

  3. หากคุณพบเศษสิ่งสกปรกในพอร์ตเหล่านี้ ให้ค่อยๆ ทำความสะอาดช่องต่อแต่ละช่องโดยใช้แปรงขนนุ่มขนาดเล็กที่ไม่ใช่โลหะ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแปรงที่ใช้สะอาดและแห้ง ค่อยๆ ปัดเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกออก ใช้ขนแปรงให้ยาวพอดีกับด้านในช่องต่อ บิดแปรงขนแข็งเพื่อให้คลายตัวออกและเศษสิ่งสกปรกหลุดออกมา ปัดเศษสิ่งสกปรกออกจากช่องต่อเพื่อป้องกันไม่ให้เศษสิ่งสกปรกหลุดเข้าไปในช่องต่อ ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดสิ่งสกปรกออก

    •  ข้อควรระวัง: ถอดสายทั้งหมดและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ห้ามใช้สเปรย์อัดแก๊ส สารตัวทำละลาย สารกัดกร่อน หรือสารทำความสะอาดที่มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งอาจทำให้พื้นผิวเสียหาย ห้ามใช้วัตถุที่เป็นโลหะเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกหรือสิ่งกีดขวางเนื่องจากอาจทำให้ขั้วต่อลัดวงจรและเกิดความเสียหายได้ อย่าให้ความชื้นสัมผัสกับช่องเปิดใดๆ และห้ามฉีดพ่นของเหลวลงบนคอมพิวเตอร์โดยตรง อย่าใช้อากาศอัด

  4. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทําตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยตัวตรวจสอบทรัพยากร Mac (MRI)

    • หมายเหตุ: สำหรับรุ่นที่มี HDMI ให้ดูผลการวินิจฉัยเพื่อตรวจสอบว่ามีฮาร์ดแวร์ HDMI อยู่หรือไม่

  2. เชื่อมต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ดที่ใช้งานร่วมกันได้เข้ากับพอร์ต USB-C แต่ละพอร์ตบนคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบการทำงานพื้นฐานของพอร์ต USB-C

  3. ตรวจสอบว่า Mac ตรวจพบการเชื่อมต่อขั้วต่อทั้งสองด้านของสาย USB-C ด้วยการพลิกขั้วต่อ USB-C กลับด้านแล้วเชื่อมต่ออีกครั้ง

  4. เชื่อมต่อจอภาพ Thunderbolt ภายนอกกับคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบยืนยันการทำงานของ Thunderbolt ของพอร์ต USB-C ตรวจสอบยืนยันเอาท์พุตเสียงออกหากจอภาพภายนอกมีลำโพงในตัว ตรวจสอบยืนยันว่าจอภาพภายนอกแสดงภาพที่ถูกต้อง และลำโพงของจอภาพภายนอกให้เสียงที่ชัดเจน

  5. สำหรับรุ่นที่มี HDMI ให้เชื่อมต่อจอภาพ HDMI ภายนอกกับคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบยืนยันการทำงานของพอร์ต HDMI ตรวจสอบยืนยันเอาท์พุตเสียงออกหากจอภาพภายนอกมีลำโพงในตัว ตรวจสอบยืนยันว่าจอภาพภายนอกแสดงภาพที่ถูกต้อง และลำโพงของจอภาพภายนอกให้เสียงที่ชัดเจน

แกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์

หากแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบการวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อแกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์ อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วน

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนชิ้นส่วนต่อไปนี้ทีละชิ้นตามลำดับที่แสดง ซึ่งหลังจากที่คุณเปลี่ยนชิ้นส่วนแรกแล้ว ให้ทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอีกครั้งเพื่อดูว่าการเปลี่ยนชิ้นส่วนหนึ่งชิ้นสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ไหม หากแก้ไขไม่สำเร็จ ให้เปลี่ยนชิ้นส่วนถัดไป

  • เปลี่ยนบอร์ดอินพุต/เอาท์พุตหรือบอร์ด USB-C (ขึ้นอยู่กับรุ่น)

  • เปลี่ยนลอจิกบอร์ด

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และตรวจสอบยืนยันว่าอุปกรณ์ USB และ Thunderbolt ที่ทำงานได้ปกติกำลังทำงานได้เป็นปกติและคอมพิวเตอร์ตรวจพบเมื่อเชื่อมต่อกับพอร์ต USB ทั้งหมดบนคอมพิวเตอร์ในทั้งสองด้าน

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

การแก้ไขปัญหาการ์ด SD

ระบุปัญหา

อ่านบทความนี้หากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ ต่อไปนี้

  • ไม่สามารถเสียบการ์ด SD ในช่องเสียบได้

  • สามารถเสียบการ์ด SD ในช่องเสียบได้บางส่วน แต่เสียบเข้าไปได้ไม่สุด

  • ช่องเสียบการ์ด SD มีตำแหน่งไม่ตรงกับตัวเครื่อง

  • การ์ด SD ทำงานไม่ถูกต้องเมื่อเสียบเข้าไป

ใช้ช่องเสียบการ์ด SD และ SDXC บน Mac

หากยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือแล้ว ให้ดำเนินการต่อในส่วนถัดไป

ลองทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ตรวจสอบว่าคุณใช้ประเภทของการ์ด SD ที่ถูกต้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ์ด SD ที่ใช้งานร่วมกันได้และการใช้งานใน ใช้ช่องเสียบการ์ด SD และ SDXC บน Mac

    • หมายเหตุ: แล็ปท็อปบางรุ่นเท่านั้นที่มีช่องเสียบการ์ด SD

  2. ตรวจสอบช่องเสียบการ์ด SD และช่องเปิดบนฝาครอบตัวเครื่องด้านบนของคอมพิวเตอร์เพื่อหาร่องรอยการผิดรูป ความเสียหาย หรือเศษสิ่งสกปรกที่อาจกีดขวางการเชื่อมต่อ

  3. หากคุณพบเศษสิ่งสกปรกในช่องนี้ ให้ค่อยๆ ทำความสะอาดโดยใช้แปรงขนนุ่มขนาดเล็กที่ไม่ใช่โลหะ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแปรงที่ใช้สะอาดและแห้ง ค่อยๆ ปัดเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกออก ใช้แปรงที่มีขนาดพอดีกับด้านในของช่องเปิด บิดแปรงขนแข็งเพื่อให้คลายตัวออกและเศษสิ่งสกปรกหลุดออกมา ปัดสิ่งสกปรกออกให้ห่างจากช่องเปิดเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปในช่องเปิด ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดสิ่งสกปรกออก

    •  ข้อควรระวัง: ถอดสายทั้งหมดและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ห้ามใช้สเปรย์อัดแก๊ส สารตัวทำละลาย สารกัดกร่อน หรือสารทำความสะอาดที่มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งอาจทำให้พื้นผิวเสียหาย ห้ามใช้วัตถุที่เป็นโลหะเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกหรือสิ่งกีดขวางเนื่องจากอาจทำให้ขั้วต่อลัดวงจรและเกิดความเสียหายได้ อย่าให้ความชื้นสัมผัสกับช่องเปิดใดๆ และห้ามฉีดพ่นของเหลวลงบนคอมพิวเตอร์โดยตรง อย่าใช้อากาศอัด

  4. ดูขั้นตอนและแหล่งข้อมูลบริการช่วยเหลือใน การตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหา

เรียกใช้การทดสอบด้วยตนเองและการทดสอบเพื่อวินิจฉัย

หากยังแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือลองทําตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วแล้ว ให้เรียกใช้การวินิจฉัยและทำการทดสอบด้วยตนเองดังต่อไปนี้เพื่อช่วยแยกสาเหตุของปัญหา

  1. เรียกใช้ชุดการวินิจฉัยตัวตรวจสอบทรัพยากร Mac (MRI)

  2. เสียบการ์ด SD ที่ฟอร์แมตแล้วเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบการทำงานพื้นฐานของช่องเสียบการ์ด SD ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเสียบการ์ดเข้าที่อย่างถูกต้อง ถอดการ์ดออกและตรวจสอบยืนยันว่าสามารถถอดการ์ดออกได้อย่างไม่ติดขัด

  3. ตรวจสอบยืนยันว่าฮาร์ดแวร์ตัวอ่านการ์ด SD ยังคงอยู่ที่เดิมและไม่เสียหาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ตัวอ่านการ์ด SD เป็นส่วนหนึ่งของลอจิกบอร์ด

แกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์

หากแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือจำแนกปัญหาไม่ได้หลังจากที่ทำตามบทความบริการช่วยเหลือหรือเรียกใช้การทดสอบการวินิจฉัยแล้ว ให้ดูคู่มือการซ่อมของคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวเพื่อแกะเปิดและตรวจสอบคอมพิวเตอร์ อาจมีชิ้นส่วนที่เสียหายหรืออยู่ผิดที่ซึ่งทำให้เกิดหนึ่งในปัญหาเหล่านี้

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

เปลี่ยนชิ้นส่วน

หากปัญหานี้แก้ไขไม่สำเร็จหรือจำแนกไม่ได้หลังจากที่ได้ทำตามขั้นตอนก่อนหน้าแล้ว ให้เปลี่ยนลอจิกบอร์ด ซึ่งมีตัวอ่านการ์ด SD

หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และตรวจสอบยืนยันว่าการ์ด SD ที่ทำงานได้ปกติกำลังทำงานได้เป็นปกติและคอมพิวเตอร์ตรวจพบเมื่อเสียบเข้าในช่องเสียบการ์ด SD บนคอมพิวเตอร์

หมายเหตุ: หัวข้อนี้ต้องมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือ การเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาของอุปกรณ์ได้ ค้นหาตัวเลือกบริการอื่นๆ ได้ที่ support.apple.com/th-th/repair

กลับขึ้นด้านบน

วันที่เผยแพร่: