DATEDIF
DATEDIF จะส่งค่ากลับมาเป็นจำนวนของวัน เดือน หรือปี ระหว่างวันที่สองวันที่
DATEDIF(วันที่เริ่มต้น, วันที่สิ้นสุด, วิธีการคำนวณ)
วันที่เริ่มต้น: วันเริ่มต้น วันที่เริ่มต้นคือค่าวันที่/เวลา (โดยไม่สนใจส่วนของเวลา) หรือค่าสตริงวันที่
วันที่สิ้นสุด: วันสิ้นสุดสำหรับใช้คำนวณ วันที่สิ้นสุดคือค่าวันที่/เวลา (โดยไม่สนใจส่วนของเวลา) หรือค่าสตริงวันที่
วิธีการคำนวณ: ค่าโมดอลที่ระบุวิธีการแสดงความแตกต่างของเวลาและวิธีการจัดการวันที่ที่อยู่คนละปีหรือเดือน
“D”: ส่งค่ากลับมาเป็นจำนวนของวันระหว่างวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด
“M”: ส่งค่ากลับมาเป็นจำนวนของเดือนระหว่างวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด
“Y”: ส่งค่ากลับมาเป็นจำนวนของปีระหว่างวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด
“MD”: ส่งค่ากลับมาเป็นจำนวนของวันระหว่างวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด โดยไม่สนใจเดือนและปี เดือนของวันที่สิ้นสุดจะถูกพิจารณาเป็นเดือนเดียวกับของวันที่เริ่มต้น หากวันเริ่มต้นอยู่หลังจากวันสิ้นสุด จะเริ่มต้นนับจากวันสิ้นสุดโดยถือว่าอยู่ในเดือนก่อนหน้า ปีของวันที่สิ้นสุดจะถูกใช้ตรวจสอบว่าเป็นปีอธิกสุรทินหรือไม่
“YM”: ส่งค่ากลับมาเป็นจำนวนของเดือนทั้งหมดระหว่างวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด โดยไม่สนใจปี หากวัน/เดือนเริ่มต้นอยู่ก่อนหน้าวัน/เดือนสิ้นสุด จะถือว่าวันที่เหล่านั้นเป็นวันที่ที่อยู่ในปีเดียวกัน หากวัน/เดือนเริ่มต้นอยู่หลังวัน/เดือนสิ้นสุด จะถือว่าวันที่เหล่านั้นเป็นวันที่ที่อยู่ในปีที่ต่อเนื่องกัน
“YD”: ส่งค่ากลับมาเป็นจำนวนของวันทั้งหมดระหว่างวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด โดยไม่สนใจปี หากวัน/เดือนเริ่มต้นอยู่ก่อนหน้าวัน/เดือนสิ้นสุด จะถือว่าวันที่เหล่านั้นเป็นวันที่ที่อยู่ในปีเดียวกัน หากวัน/เดือนเริ่มต้นอยู่หลังวัน/เดือนสิ้นสุด จะถือว่าวันที่เหล่านั้นเป็นวันที่ที่อยู่ในปีที่ต่อเนื่องกัน
ตัวอย่างเช่น |
---|
หาก A1 ประกอบด้วยค่าวันที่/เวลา 4/6/1988 และ A2 ประกอบด้วยค่าวันที่/เวลา 10/30/2006: =DATEDIF(A1,A2,“D”) จะส่งค่ากลับมาเป็น 6,781 ซึ่งเป็นจำนวนวันระหว่างวันที่ 6 เมษายน 1988 กับวันที่ 30 ตุลาคม 2006 =DATEDIF(A1,A2,“M”) จะส่งค่ากลับมาเป็น 222 ซึ่งเป็นจำนวนเดือนแบบเต็มเดือนระหว่างวันที่ 6 เมษายน 1988 กับวันที่ 30 ตุลาคม 2006 =DATEDIF(A1,A2,“Y”) จะส่งค่ากลับมาเป็น 18 ซึ่งเป็นจำนวนปีแบบเต็มปีระหว่างวันที่ 6 เมษายน 1988 กับวันที่ 30 ตุลาคม 2006 =DATEDIF(A1,A2,“MD”) จะส่งค่ากลับมาเป็น 24 ซึ่งเป็นจำนวนของวันระหว่างวันที่ 6 ของเดือนกับวันที่ 30 ของเดือนเดียวกัน =DATEDIF(A1,A2,“YM”) จะส่งค่ากลับมาเป็น 6 ซึ่งเป็นจำนวนของเดือนระหว่างเดือนเมษายนกับเดือนตุลาคมที่ตามมาในปีใดๆ =DATEDIF(A1,A2,“YD”) จะส่งค่ากลับมาเป็น 207 ซึ่งเป็นจำนวนของวันระหว่างวันที่ 6 เมษายนและวันที่ 30 ตุลาคมที่ตามมาในปีใดๆ =DATEDIF(“04/06/1988”,NOW(),“Y”)& “ ปี ” &DATEDIF(“04/06/1988”,NOW(),“YM”)& “ เดือนกับ ” &DATEDIF(“04/06/1988”,NOW(),“MD”)& “ days” จะส่งค่ากลับมาเป็น 25 ปี 2 เดือนกับ 25 วัน ซึ่งเป็นอายุปัจจุบันของผู้ที่เกิดในวันที่ 6 เมษายน 1988 หากวันนี้คือวันที่ 1 กรกฏาคม 2013 |