สร้างตัวติดตั้งที่บูตได้สำหรับ macOS

คุณสามารถใช้แฟลชไดรฟ์ USB หรือดิสก์โวลุ่มรองเป็นดิสก์เริ่มต้นระบบที่ใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Mac ได้ ขั้นตอนต่อไปนี้มีไว้สำหรับผู้ดูแลระบบและผู้ใช้คนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์เป็นหลัก

  1. คุณต้องการตัวติดตั้งที่สามารถบูตได้หรือไม่

  2. ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง macOS แบบเต็ม

  3. เชื่อมต่อและเปลี่ยนชื่อแฟลชไดรฟ์ USB

  4. ใช้เทอร์มินัลเพื่อสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้

  5. ใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้

คุณต้องการตัวติดตั้งที่บูตได้ใช่หรือไม่

คุณไม่ต้องใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้เพื่ออัปเกรด macOS หรือติดตั้ง macOS อีกครั้ง แต่ตัวติดตั้งที่บูตได้จะมีประโยชน์เมื่ออัปเกรดหรือใช้วิธีอื่นๆ ในการติดตั้ง macOS แล้วแต่ไม่สำเร็จ หรือเมื่อคุณต้องการติดตั้ง macOS บนคอมพิวเตอร์หลายเครื่องโดยไม่ต้องดาวน์โหลดตัวติดตั้งทุกครั้ง

ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง macOS แบบเต็ม

  1. ดาวน์โหลดตัวติดตั้งแบบเต็มผ่าน App Store หรือเว็บเบราว์เซอร์ของคุณโดยใช้ลิงก์ดาวน์โหลดและคำแนะนำในวิธีดาวน์โหลดและติดตั้ง macOS สิ่งสำคัญ:

    • คุณอาจต้องดาวน์โหลดจาก Mac ที่เข้ากันได้กับ macOS ที่คุณกำลังดาวน์โหลด และหากคุณกำลังดาวน์โหลด macOS เวอร์ชั่นเก่า คุณอาจต้องสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้บน Mac รุ่นเก่าที่เข้ากันได้กับ macOS เวอร์ชั่นนั้นด้วยเช่นกัน

    • ดาวน์โหลดจาก Mac ที่ใช้ OS X El Capitan เวอร์ชั่นล่าสุดหรือ macOS รุ่นใหม่กว่ารุ่นไหนก็ได้ ดูว่า Mac ของคุณใช้ macOS รุ่นใด

    • ผู้ดูแลระบบขององค์กร: ดาวน์โหลดจาก Apple และไม่ควรดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์สำหรับการอัปเดตที่โฮสต์อยู่ภายในองค์กร

  2. ตรวจสอบชื่อตัวติดตั้งหลังจากดาวน์โหลดแล้ว โดยตัวติดตั้งควรเป็นแอปที่ชื่อ Install [ชื่อเวอร์ชั่น] เช่น Install macOS Sequoia หากตัวติดตั้งเป็นไฟล์ดิสก์อิมเมจ (.dmg) หรือแพ็คเกจ (.pkg) ให้ดูรายละเอียดในคำแนะนำการดาวน์โหลดว่าควรทำอย่างไรจึงจะได้ตัวติดตั้งจากไฟล์เหล่านี้

  3. ตรวจสอบตำแหน่งของตัวติดตั้ง โดยตัวติดตั้งควรอยู่ในโฟลเดอร์แอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่เปิดขึ้นเมื่อคุณเลือกไป > แอปพลิเคชัน จากแถบเมนูใน Finder และให้ย้ายตัวติดตั้งไปที่โฟลเดอร์นี้หากจำเป็น

เชื่อมต่อและเปลี่ยนชื่อแฟลชไดรฟ์ USB

  1. เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์ USB หรือดิสก์โวลุ่มรองเข้ากับ Mac โดยตรง

  2. ตรวจสอบความจุของแฟลชไดรฟ์ แฟลชไดรฟ์ความจุ 32GB มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มากเพียงพอสำหรับตัวติดตั้ง macOS และ 16GB ก็เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เพียงพอสำหรับ macOS เวอร์ชั่นก่อนหน้าโดยส่วนใหญ่ หากต้องการพื้นที่เพิ่มอีก เทอร์มินัลจะแจ้งให้คุณทราบ เมื่อคุณสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้ ข้อมูลทั้งหมดในแฟลชไดรฟ์นี้จะถูกลบ

  3. เปลี่ยนชื่อของแฟลชไดรฟ์เป็น MyVolume ซึ่งเป็นชื่อสำหรับใช้กับคำสั่งเทอร์มินัลด้านล่างนี้

ใช้เทอร์มินัลเพื่อสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้

  1. เปิดเทอร์มินัลที่อยู่ในโฟลเดอร์ยูทิลิตี้ของโฟลเดอร์แอปพลิเคชัน หรือใช้ Spotlightnull ในแถบเมนูเพื่อค้นหาและเปิด

  2. ลากภายในบริเวณที่เลื่อนได้ของหนึ่งในคำสั่งเหล่านี้เพื่อเลือกคำสั่งแบบเต็ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ macOS ที่คุณดาวน์โหลด จากนั้นคัดลอกและวางลงในเทอร์มินัล กด Return เพื่อป้อนคำสั่ง

    • Sequoia: sudo /Applications/Install\ macOS\ Sequoia.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • Sonoma: sudo /Applications/Install\ macOS\ Sonoma.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • Ventura: sudo /Applications/Install\ macOS\ Ventura.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • Monterey: sudo /Applications/Install\ macOS\ Monterey.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • Big Sur: sudo /Applications/Install\ macOS\ Big\ Sur.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • Catalina: sudo /Applications/Install\ macOS\ Catalina.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • Mojave: sudo /Applications/Install\ macOS\ Mojave.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • High Sierra: sudo /Applications/Install\ macOS\ High\ Sierra.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

    • El Capitan: sudo /Applications/Install\ OS\ X\ El\ Capitan.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume --applicationpath /Applications/Install\ OS\ X\ El\ Capitan.app

  3. พิมพ์รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบเมื่อระบบแจ้ง แล้วกด Return ทั้งนี้เทอร์มินัลจะไม่แสดงอักขระใดๆ ในขณะที่คุณพิมพ์

    • หากคุณได้รับข้อความว่าตัวติดตั้งไม่ใช่แอปพลิเคชันตัวติดตั้งที่ถูกต้อง ให้ลบตัวติดตั้งนั้น จากนั้นใช้ยูทิลิตี้ดิสก์เพื่อซ่อมดิสก์เริ่มต้นระบบของคุณ แล้วดาวน์โหลดตัวติดตั้งอีกครั้ง

    • หากคุณได้รับข้อความว่าไม่พบคำสั่ง โปรดตรวจสอบว่าคุณใช้คำสั่งที่ถูกต้องและตัวติดตั้งอยู่ในโฟลเดอร์แอปพลิเคชันของคุณและชื่อ Install [ชื่อเวอร์ชั่น] และหากเป็นการสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้บน Mac ที่ใช้ macOS Sierra 10.12.6 หรือรุ่นก่อนหน้า ให้พิมพ์ --applicationpath ต่อท้ายคำสั่ง ตามด้วยพาธที่ถูกต้องของตัวติดตั้ง คล้ายกับที่แสดงในตอนท้ายของคำสั่งสำหรับ El Capitan

  4. เมื่อระบบแจ้ง ให้พิมพ์ Y เพื่อยืนยันว่าคุณต้องการลบดิสก์โวลุ่มนั้น แล้วกด Return เทอร์มินัลจะแสดงความคืบหน้าขณะลบดิสก์โวลุ่ม

    • หากคุณได้รับข้อความว่าเทอร์มินัลต้องการเข้าถึงไฟล์บนโวลุ่มแบบถอดได้ ให้คลิก ตกลง เพื่ออนุญาตให้เทอร์มินัลดำเนินการต่อ

    • หากเทอร์มินัลลบข้อมูลไม่สำเร็จ ให้ใช้ยูทิลิตี้ดิสก์เพื่อลบข้อมูลในโวลุ่มนั้นโดยใช้รูปแบบ Mac OS Extended (Journaled) แล้วลองอีกครั้ง

  5. เมื่อเทอร์มินัลแจ้งว่าสื่อการติดตั้งพร้อมใช้งานแล้ว แฟลชไดรฟ์ USB ของคุณควรมีชื่อเดียวกับตัวติดตั้ง เช่น Install macOS Sequoia

  6. ให้ออกจากเทอร์มินัล ดีดแฟลชไดรฟ์ออก และถอดออกจาก Mac

ตัวอย่างนี้แสดงวิธีสร้างตัวติดตั้งที่สามารถบูตได้สำหรับ macOS Ventura:

การสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้สำหรับ macOS Ventura ในเทอร์มินัล

ใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้

ทำตามขั้นตอนที่เหมาะสมโดยขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้บน Mac ที่มี Apple Silicon หรือไม่ โดย Mac ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ตัวติดตั้งสามารถรับเฟิร์มแวร์และข้อมูลอื่นๆ ที่เฉพาะเจาะจงกับ Mac รุ่นนี้ได้ หาก macOS ที่คุณกำลังติดตั้งเข้ากันไม่ได้กับ Mac ของคุณ การติดตั้งอาจไม่เสร็จสมบูรณ์ หรือ Mac ของคุณอาจเริ่มต้นระบบจนถึงวงกลมที่มีเส้นลากผ่าน

Mac ที่มี Apple Silicon

  1. ปิดเครื่อง Mac

  2. เชื่อมต่อตัวติดตั้งที่บูตได้เข้ากับ Mac โดยตรง

  3. กดปุ่มเปิดปิดบน Mac ของคุณค้างไว้ ในขณะที่คุณกดปุ่มค้างไว้ Mac จะเริ่มต้นระบบและโหลดตัวเลือกการเริ่มต้นระบบ ซึ่งจะแสดงโวลุ่มที่บูตได้ รวมถึงตัวติดตั้งที่บูตได้

  4. เลือกตัวติดตั้งที่บูตได้ จากนั้นคลิกดำเนินการต่อ

  5. เมื่อเปิดโปรแกรมติดตั้ง macOS ให้ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ

Mac อื่นๆ ทั้งหมด

  1. ปิดเครื่อง Mac

  2. เชื่อมต่อตัวติดตั้งที่บูตได้เข้ากับ Mac โดยตรง

  3. เปิดเครื่อง Mac ของคุณ จากนั้นกดปุ่ม Option (Alt) ค้างไว้ทันที

  4. ปล่อยปุ่ม Option เมื่อคุณเห็นหน้าจอสีเข้มที่แสดงดิสก์โวลุ่มที่บูตได้ รวมถึงตัวติดตั้งที่บูตได้

  5. เลือกตัวติดตั้งที่บูตได้ จากนั้นคลิกลูกศรบนหน้าจอหรือกด Return

  6. หากคุณใช้ Mac ที่มีชิป Apple T2 Security และไม่สามารถเริ่มต้นระบบจากตัวติดตั้งที่บูตได้ ให้ตรวจสอบว่ายูทิลิตี้ความปลอดภัยการเริ่มต้นระบบได้รับการตั้งค่าให้อนุญาตให้บูตจากสื่อภายนอกหรือสื่อที่ถอดออกได้

  7. เลือกภาษาของคุณ หากระบบแจ้ง

  8. เลือกติดตั้ง macOS (หรือติดตั้ง OS X) จากหน้าต่างยูทิลิตี้ แล้วคลิกดำเนินการต่อ และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ

วันที่เผยแพร่: