หากเมล iCloud ไม่ทำงาน
คุณสามารถใช้เมล iCloud ในแอปเมลบน iPhone, iPad, iPod touch หรือ Mac หรือบน iCloud.com บน iPad, Mac หรือ PC ได้ หากคุณไม่สามารถเข้าใช้งานอีเมลหรือไม่สามารถส่งและรับข้อความด้วยที่อยู่อีเมล @icloud.com ได้ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
สิ่งที่ต้องตรวจสอบเป็นลำดับแรก
ตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้งานเมล iCloud แล้ว ดังนี้
บน Mac ของคุณ ให้เปิดแอปเมล แล้วเลือกเมล > การตั้งค่า คลิกบัญชี จากนั้นเลือกบัญชี iCloud ของคุณในแถบด้านข้าง ภายใต้ข้อมูลบัญชี ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีเปิดใช้งานอยู่และสถานะเป็นสถานะออนไลน์
บน iPhone, iPad หรือ iPod touch ให้ไปที่การตั้งค่า > [ชื่อของคุณ] > iCloud แล้วตรวจสอบว่าเมลเปิดอยู่หรือไม่
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ใช้งานเกินขีดจำกัดพื้นที่เก็บข้อมูล iCloud ของคุณ หากคุณใช้งานเกินขีดจำกัดพื้นที่เก็บข้อมูล iCloud ให้ดูวิธีเพิ่มพื้นที่ว่างมากขึ้นใน iCloud
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุดบนอุปกรณ์
หากคุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการส่งหรือรับเมลบน iPhone, iPad หรือ iPod touch
ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ. เปิด apple.com/th ใน Safari บน iPhone, iPad หรือ iPod touch ของคุณ
หากต้องการดูว่าคุณสามารถรับเมลสำหรับอีเมล iCloud ของคุณบนอุปกรณ์เครื่องอื่นได้หรือไม่ ให้ไปที่ iCloud.com บน Mac หรือ PC
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปิดเมลในการตั้งค่าบน iPhone, iPad หรือ iPod touch แตะการตั้งค่า > [ชื่อของคุณ] > iCloud แล้วเปิดใช้เมล
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการผลักข้อมูลใหม่ไปยังอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ ใน iOS 14 หรือใหม่กว่า ให้แตะการตั้งค่า > เมล > บัญชี > ดึงข้อมูลใหม่ จากนั้นเปิดใช้งานผลักข้อมูล ใน iOS 13 หรือก่อนหน้า ให้แตะการตั้งค่า > รหัสผ่านและบัญชี > ดึงข้อมูลใหม่ จากนั้นเปิดใช้งานผลักข้อมูล
ส่งอีเมลไปที่บัญชีของคุณเพื่อดูว่าการผลักข้อมูลทำงานหรือไม่
ในดึงข้อมูลใหม่ ให้แตะบัญชี iCloud ของคุณ แล้วเปิดใช้งานผลักข้อมูล คุณสามารถใช้ผลักข้อมูลได้กับบัญชีเดียวต่อครั้งเท่านั้น
ปิดอุปกรณ์แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง
หากคุณยังไม่สามารถส่งหรือรับเมลได้ ให้ปิดการตั้งค่าในขั้นตอนที่ 3 และ 4 รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณ แล้วเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง
หากคุณไม่สามารถเข้าใช้งานเมล iCloud ที่ iCloud.com
บน iPad, Mac และ PC คุณสามารถใช้เมล iCloud บน iCloud.com บน iPhone ให้ใช้แอปเมลแทน
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเบราว์เซอร์ของคุณอัปเดตแล้ว หากคุณใช้ Safari ให้อัปเดต Safari เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
ล้างแคชของเบราเซอร์ ใน Safari ให้เลือก Safari > การตั้งค่า คลิกแท็บขั้นสูง เลือก "แสดงเมนูพัฒนาในแถบเมนู" จากนั้นปิดการตั้งค่า คลิกเมนูพัฒนา แล้วเลือก "ล้างแคช" หากคุณใช้เบราเซอร์อื่น ให้ตรวจสอบเมนูวิธีใช้เพื่อดูขั้นตอน
หากคุณสามารถเข้าถึงเมล iCloud การกำหนดค่าอินเทอร์เน็ตบางอย่างจะป้องกันการเข้าใช้งานบางเว็บไซต์หรือบริการบางอย่างโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนา อย่างเช่น เมล iCloud
หากคุณไม่สามารถส่งเมลจากแอปเมลบน Mac
ใช้ขั้นตอนเหล่านี้ หากคุณไม่สามารถส่งข้อความ มีการแนบไฟล์ขนาดใหญ่ หรือผู้รับไม่ได้รับข้อความของคุณ
หากคุณได้รับการแจ้ง เมื่อคุณส่งข้อความจากที่อยู่อีเมล @icloud.com ของคุณโดยใช้เมลบน Mac
หากคุณเห็นการเตือนที่แจ้งว่า “ข้อความนี้ส่งไม่ได้ และจะยังคงอยู่ในกล่องข้อความขาออกของคุณจนกว่าจะสามารถส่งได้” ให้ตรวจสอบว่า iCloud เป็นบัญชีเมลขาออกของคุณ
เปิดแอปเมล แล้วเลือกเมล > การตั้งค่า
คลิกแท็บบัญชี
เลือกบัญชีอีเมล iCloud ของคุณ
คลิกแท็บการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ หาก iCloud ไม่อยู่ในรายการบัญชีเมลขาออก ให้เลือก iCloud
If you choose Edit SMTP Server List, you won't see your iCloud account listed as an option.
หากคุณแนบไฟล์ขนาดใหญ่
ไฟล์แนบข้อความต้องไม่เกินขนาดสูงสุดที่ผู้ให้บริการอีเมลของคุณหรือผู้ให้บริการอีเมลของผู้รับอนุญาตให้ใช้ได้ ขนาดสูงสุดจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ ลองใช้ Mail Drop บีบอัดไฟล์ก่อนส่ง หรือส่งข้อความโดยไม่มีไฟล์แนบ
หากผู้รับไม่ได้รับข้อความของคุณ
หากมีข้อความ "ที่อยู่ที่ไม่รู้จัก" หรือ "เมลไม่ถูกส่งถูกตีกลับ" ปรากฏขึ้นในกล่องข้อความขาเข้าของคุณหลังจากคุณส่งข้อความไปแล้ว ให้ไปที่กล่องเมลส่งแล้ว และตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่อยู่อีเมลของผู้รับที่ถูกต้อง
หากคุณใช้เมลใน macOS หรือเข้าใช้งานเมล iCloud โดยใช้ Safari หรือเว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับอื่นๆ ให้ตรวจสอบกล่องเมลฉบับร่าง ส่งแล้ว และกล่องออก ดังนี้
หากคุณเห็นสำเนาข้อความที่ยังไม่ได้ส่งในฉบับร่าง ให้ลองส่งอีกครั้ง
หากคุณเห็นข้อความในกล่องขาออกของคุณ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแล้วและใช้ขั้นตอนด้านบนเพื่อเลือก iCloud เป็นบัญชีอีเมลขาออก*
ขอให้ผู้รับตรวจสอบโฟลเดอร์เมลขยะหรือกล่องเมลของตน
หากผู้รับยังคงไม่ได้รับข้อความของคุณ แต่ข้อความถูกส่งไปแล้วโดยไม่มีการแจ้งใดๆ หรือมีข้อความ "เมลไม่ถูกส่ง" แสดงว่าข้อความของคุณอาจถูกปิดกั้นหรือถูกกรองโดยเซิร์ฟเวอร์เมล iCloud หรือเซิร์ฟเวอร์เมลของผู้รับ หากต้องการทราบรายละเอียด โปรดติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ iCloud นอกจากนี้ คุณควรขอให้ผู้รับติดต่อผู้ดูแลระบบอีเมลของตนด้วย
*หากคุณใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่ iCloud SMTP อย่าใช้ที่อยู่อีเมล iCloud ของคุณเป็นที่อยู่ "ส่งจาก" มิฉะนั้นอีเมลของคุณอาจส่งไปไม่ถึงหรืออยู่ในโฟลเดอร์ขยะของผู้รับ
หากคุณรับข้อความได้ แต่ส่งไม่ได้
ISP ของคุณอาจบล็อคโปรโตคอลที่ใช้ในการส่งอีเมล (SMTP) ข้ามเครือข่ายของตน ติดต่อผู้ให้บริการของคุณและสอบถามเกี่ยวกับการรับส่งข้อมูล SMTP ข้ามเครือข่ายไปยังบริการภายนอก เช่น iCloud หากผู้ให้บริการของคุณบล็อคการรับส่งข้อมูล SMTP โปรดสอบถามว่าคุณจะขอรับการยกเว้นจากการบล็อค SMTP ได้อย่างไร
หาก ISP ของคุณไม่บล็อคการรับส่งข้อมูล SMTP และคุณยังไม่สามารถส่งข้อความได้ โปรดติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ Apple เพื่อขอความช่วยเหลือ
หากคุณไม่สามารถรับเมลในแอป เมล บน Mac ของคุณ
ทางด้านซ้ายของหน้าต่างเมลหลัก ให้ค้นหาชื่อของบัญชีอีเมล iCloud ของคุณ หากชื่อบัญชีของคุณจางลงและมีสัญลักษณ์สายฟ้าอยู่ข้างๆ แสดงว่าบัญชีของคุณออฟไลน์อยู่
หากต้องการทำให้บัญชีของคุณออนไลน์ ให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เลือกกล่องเมล หากทำการติดต่อได้ในบัญชีทั้งหมดเป็นสีเทา บัญชีของคุณจะออนไลน์อยู่แล้ว
หากคุณยังไม่สามารถรับอีเมลได้ โปรดติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ Apple เพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม
หากคุณต้องการลบรายชื่อล่าสุดที่แนะนำในเมล iCloud ออก
เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้ iCloud คุณอาจเห็นที่อยู่อีเมลล่าสุดของคุณเป็นรายชื่อที่แนะนำบนทุกอุปกรณ์ของคุณ หากต้องการหยุดไม่ให้รายชื่อปรากฏเป็นคำแนะนำ ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทำ
บน iCloud.com ให้คลิก เพื่อเริ่มอีเมล
ในช่อง "ถึง:" ให้เริ่มพิมพ์ที่อยู่อีเมลที่คุณต้องการซ่อน
วางเมาส์เหนือที่อยู่แล้วคลิก
คลิก "เอาออกจากล่าสุด"
หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการใช้ iCloud สำหรับ Windows
หากคุณใช้ Outlook โปรดดูข้อมูลช่วยเหลือเกี่ยวกับเมล iCloud รายชื่อ และปฏิทินของคุณ
ดูข้อมูลช่วยเหลือเพิ่มเติม
หากคุณยังคงต้องการความช่วยเหลือ โปรดติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ Apple
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตโดย Apple หรือเว็บไซต์อิสระที่ Apple ไม่ได้ควบคุมหรือทดสอบไม่ถือเป็นการแนะนำหรือการรับรองใดๆ Apple จะไม่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือก ประสิทธิภาพการทำงาน หรือการใช้งานเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น Apple ไม่รับรองความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของบริษัทอื่น โปรดติดต่อผู้จำหน่ายหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม