กำหนดการตั้งค่าการแคชเนื้อหาขั้นสูงบน Mac
คุณสามารถใช้พารามิเตอร์การกำหนดค่าขั้นสูงเพื่อปรับการแคชเนื้อหาอย่างละเอียดสำหรับการกำหนดค่าเครือข่ายของคุณได้
คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์การกำหนดค่าขั้นสูงสำหรับแคชเนื้อหาได้โดยใช้บรรทัดคำสั่งในเทอร์มินัล หรือโดยแก้ไขค่าของคีย์ต่างๆ ในไฟล์ /Library/Preferences/com.apple.AssetCache.plist เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงบางรายการมีผล การแคชเนื้อหาจะต้องหยุดและเริ่มการทำงานใหม่
ใช้เทอร์มินัลในการตั้งค่าพารามิเตอร์การกำหนดค่าขั้นสูง
ในแอพเทอร์มินัล บน Mac ของคุณ คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์การกำหนดค่าขั้นสูงได้โดยใช้คำสั่ง defaults
แล้วตามด้วยคำสั่ง sudo AssetCacheManagerUtil reloadSettings
ใช้คำสั่ง AssetCacheManagerUtil settings
เพื่อดูการตั้งค่ามาตรฐาน (ไม่ใช่ขั้นสูง)
โปรดดู จัดการการแคชเนื้อหาจากบรรทัดคำสั่ง และหน้าคู่มือของ AssetCacheManagerUtil(8) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่ง AssetCacheManagerUtil
คุณสามารถตั้งค่าคีย์แบบง่ายและแบบซับซ้อนได้ด้วยคำสั่ง defaults
ตัวอย่างเช่น ในการตั้งค่าคีย์ Interface
เป็น en1 ให้ดำเนินการคำสั่งนี้ในฐานะผู้ดูแลระบบ:
$ sudo -u _assetcache defaults write /Library/Preferences/com.apple.AssetCache.plist Interface -string en1
ListenRanges
เป็นคีย์ที่ซับซ้อนซึ่งแสดงเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม ตัวอย่างเช่น ดำเนินการคำสั่งนี้ในฐานะผู้ดูแลระบบเพื่อตั้งค่าช่วงที่อยู่ IP สองช่วงสำหรับคีย์ ListenRanges:
$ sudo -u _assetcache defaults write /Library/Preferences/com.apple.AssetCache.plist ListenRanges '( { first = 10.0.0.1; last = 10.0.0.254; }, { first = 10.1.0.1; last = 10.1.0.254; } )'
หลังจากใช้คำสั่ง defaults แล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เรียกใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อโหลดการตั้งค่าแคชเนื้อหาอีกครั้ง:
$ sudo AssetCacheManagerUtil reloadSettings
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คำสั่ง defaults
ให้ดูหน้าคู่มือ defaults(1)
คีย์และค่า plist ของการกำหนดค่าการแคช
สิ่งสำคัญ: อย่าเปลี่ยนการตั้งค่าใดๆ ในไฟล์ com.apple.AssetCache.plist นอกเหนือจากการตั้งค่าที่มีอธิบายอยู่ในตารางด้านล่าง
คีย์ใดคีย์หนึ่งอาจมีค่าที่ถูกตรึงอยู่ระหว่างสองค่า ค่าของคีย์นี้อาจเป็นตัวเลขใดๆ ก็ได้ในช่วงของค่าระหว่างค่าต่ำและค่าสูง ถ้าค่านั้นถูกตั้งให้ต่ำกว่าค่าขอบเขตล่าง ค่าขอบเขตล่างจะถูกใช้ ถ้าค่านั้นถูกตั้งให้สูงกว่าค่าขอบเขตบน ค่าขอบเขตบนจะถูกใช้ ตัวอย่างเช่น PeerDownloadTimeout ถูกตรึงอยู่ระหว่าง 5 กับ 300 ถ้าค่านี้ถูกตั้งเป็น 301 หรือ 1000 ดังนั้นค่าจะถูกตั้งเป็น 300 ถ้าค่านี้ถูกตั้งเป็น 4 หรือ -10 ดังนั้นค่าจะถูกตั้งเป็น 5
การเปลี่ยนแปลงบางรายการจะมีผลหลังจากที่คุณเรียกใช้ AssetCacheManagerUtil reloadSettings
การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ จะมีผลก็ต่อเมื่อคุณหยุดและเริ่มการแคชเนื้อหาใหม่ คีย์ที่รองรับ reloadSettings มีเพียงคีย์ที่ตั้งค่าได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหา (มีระบุในตารางด้านล่าง) เท่านั้น ในการตั้งค่าของค่าในการตั้งค่าการแคชเนื้อหา ให้เลือกเมนู Apple > การตั้งค่าระบบ แล้วคลิก การแชร์ จากนั้นคลิก การแคชเนื้อหา
คีย์ | คำอธิบาย | ค่าเริ่มต้น | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
AgeForLowSpaceAlert | เมื่อเนื้อหาถูกกำจัดจากแคชเนื้อหาเนื่องจากพื้นที่ดิสก์เหลือน้อย และเนื้อหาที่ถูกกำจัดนั้นถูกเพิ่มไปที่แคชเนื้อหาก่อนจะถึงจำนวนวันที่ระบุนี้ คุณจะได้รับการเตือนว่าพื้นที่เหลือน้อย | 30 (วัน) | |||||||||
AllowCacheDelete | อนุญาตให้ระบบกำจัดเนื้อหาจากแคชโดยอัตโนมัติเมื่อคอมพิวเตอร์ต้องใช้พื้นที่ดิสก์สำหรับแอพอื่นๆ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของการแคชเนื้อหา ให้ปิดใช้การตั้งค่านี้ | ใช่ | |||||||||
AllowImports | อนุญาตคำขอนำเข้า (อัพโหลด) | ใช่ | |||||||||
AllowPersonalCaching | อนุญาตให้แคชข้อมูล iCloud ของผู้ใช้ คีย์ AllowPersonalCaching หรือ AllowSharedCaching อย่างน้อยหนึ่งคีย์จะต้องเป็นใช่ คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ใช่ | |||||||||
AllowSharedCaching | ควบคุมการแคชเนื้อหาที่ไม่ใช่เนื้อหา iCloud เช่น แอพและรายการอัพเดทซอฟต์แวร์ คีย์ AllowPersonalCaching หรือ AllowSharedCaching อย่างน้อยหนึ่งคีย์จะต้องเป็นใช่ | ใช่ | |||||||||
AllowWirelessPortable | อนุญาตให้คอมพิวเตอร์แบบพกพาที่มีเพียงการเชื่อมต่อแบบเครือข่าย Wi-Fi เรียกใช้การแคชเนื้อหาได้ | ใช่ | |||||||||
CacheLimit | จำนวนไบต์สูงสุดของพื้นที่ดิสก์ที่จะถูกใช้สำหรับแคชเนื้อหา คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | 0 (ไม่จำกัด) | |||||||||
DatabaseUpdateInterval | ความถี่ที่แคชเนื้อหาบันทึกการเปลี่ยนแปลงไปที่ฐานข้อมูลบนดิสก์ การเพิ่มช่วงเวลาจะเพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียเนื้อหาที่แคชหลังจากไฟฟ้าดับ ช่วงเวลาสูงสุดคือ 3600 วินาที (1 ชั่วโมง) ช่วงเวลาที่เป็น 0 หมายถึงให้อัพเดทฐานข้อมูลโดยทันทีอยู่เสมอ โดยไม่หน่วงเวลา ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง | 5 (วินาที) | |||||||||
DataPath | เส้นทางไปยังไดเรกทอรีที่ใช้จัดเก็บเนื้อหาที่แคช การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ด้วยตัวเองจะไม่ย้ายเนื้อหาที่แคชจากตำแหน่งเก่าไปยังตำแหน่งใหม่โดยอัตโนมัติ ในการย้ายเนื้อหาโดยอัตโนมัติ ให้ใช้การตั้งค่าการแคชเนื้อหา (ดู เลือกดิสก์โวลุ่มสำหรับการแคช) คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | /คลัง/Application Support/Apple/AssetCache/Data | |||||||||
DisplayAlerts | แสดงการแจ้งเตือนสำหรับการเตือนการแคชเนื้อหา เพื่อประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของการแคชเนื้อหา ให้เปิดใช้การตั้งค่านี้ | ไม่ใช่ | |||||||||
DownloadMinRate | จำนวนไบต์ขั้นต่ำต่อวินาทีที่ลูกข่ายต้องรักษาไว้ในขณะดาวน์โหลดเนื้อหาจากแคชเนื้อหา แคชเนื้อหาจะหยุดการดาวน์โหลดที่ถ่ายโอนข้อมูลช้าว่าอัตรานี้ ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือ 1000 ไบต์ต่อวินาที | 8000 (ไบต์ต่อวินาที) | |||||||||
DownloadTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่อนุญาตให้การดาวน์โหลดไปยังลูกข่ายอยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานก่อนจะยกเลิก ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือ 10 วินาที | 180 (วินาที) | |||||||||
ImportMaxRate | จำนวนไบต์สูงสุดต่อวินาทีที่แคชเนื้อหาใช้ในการรับข้อมูลจากลูกข่ายแต่ละเครื่อง ค่าที่เป็น 0 บ่งบอกถึงจำนวนไบต์ต่อวินาทีที่ไม่จำกัด | 0 (ไบต์ต่อวินาที) | |||||||||
ImportMinRate | จำนวนไบต์ขั้นต่ำต่อวินาทีที่ลูกข่ายต้องรักษาไว้ในขณะนำเข้า (อัพโหลด) เนื้อหา แคชเนื้อหาจะหยุดการนำเข้าที่ถ่ายโอนข้อมูลช้าว่าอัตรานี้ อัตราขั้นต่ำคือ 100 ไบต์ต่อวินาที | 2000 (ไบต์ต่อวินาที) | |||||||||
ImportRateAttenuation | เปอร์เซ็นต์การลดทอนที่เพิ่มไปยังเวลาอัพโหลด ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือการลดทอน 0% ค่าที่มากเกินไปจะเกิน ImportTimeout และก่อให้เกิดความผิดพลาด | .20 (เปอร์เซ็นต์) | |||||||||
ImportTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่อนุญาตให้การนำเข้า (อัพโหลด) จากลูกข่ายอยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานก่อนจะยกเลิก ระยะเวลาขั้นต่ำคือ 10 วินาที | 300 (วินาที) | |||||||||
Interface | ชื่อ BSD ของอินเทอร์เฟซเครือข่ายที่จะถูกใช้โดยแคชเนื้อหา | ฟังอินเทอร์เฟซทั้งหมด | |||||||||
KeepAwake | ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณไม่อยู่ในโหมดพักเครื่องอยู่เสมอเมื่อการแคชเนื้อหาทำงานอยู่ เพื่อความพร้อมใช้งานที่ดีเยี่ยมของการแคชเนื้อหา ให้เปิดใช้การตั้งค่านี้ หรือเลือกเมนู Apple > การตั้งค่าระบบ คลิก ตัวช่วยประหยัดพลังงาน จากนั้นเลือกกล่องกาเครื่องหมาย “ป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ให้พักเครื่องอย่างอัตโนมัติเวลาจอภาพปิดอยู่” | ไม่ใช่ | |||||||||
ListenRanges | อาร์เรย์ของพจนานุกรมที่อธิบายช่วงที่อยู่ IP ลูกข่ายที่ให้บริการ ดูตัวอย่างการใช้คีย์ ListenRanges ที่ด้านล่าง คีย์ย่อยสำหรับป้อนไม่จำเป็นอีกต่อไปและจะถูกไม่สนใจหากมีอยู่ คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ไม่มี | |||||||||
ListenRangesOnly | ถ้า ListenRangesOnly ถูกตั้งค่าให้เป็นจริง แคชเนื้อหาจะให้บริการเนื้อหากับลูกข่ายที่อยู่ในช่วงที่ระบุโดยคีย์ ListenRanges เท่านั้น ถ้าคุณต้องการใช้คีย์ ListenRangesOnly คุณต้องระบุคีย์ ListenRanges ด้วย คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ไม่ใช่ | |||||||||
ListenWithPeersAndParents | ระบุว่าการแคชเนื้อหาลงทะเบียนด้วยผลรวมของคีย์ ListenRanges, PeerListenRanges และ Parents keys หรือเฉพาะด้วยคีย์ ListenRanges โปรดทราบว่า ListenRanges สามารถสร้างจาก LocalSubnetsOnly ได้โดยอัตโนมัติ และ PeerListenRanges สามารถสร้างจาก PeerLocalSubnetsOnly ได้โดยอัตโนมัติ | ค่าเริ่มต้นขึ้นอยู่กับประวัติของคอมพิวเตอร์:
| |||||||||
LocalSubnetsOnly | กำหนดว่าแคชเนื้อหาควรให้บริการเนื้อหากับลูกข่ายบนเครือข่ายเฉพาะที่ ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันกับแคชเนื้อหาเท่านั้นหรือไม่ แทนที่จะให้บริการกับลูกข่ายบนเครือข่ายเฉพาะที่ทั้งหมดที่แคชเนื้อหาเข้าถึงได้ คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ใช่ | |||||||||
LogClientIdentity | กำหนดว่าแคชเนื้อหาควรบันทึกที่อยู่ IP และเลขพอร์ตของลูกข่ายที่ร้องขอเนื้อหาหรือไม่ | ไม่ใช่ | |||||||||
MaxConcurrentClients | ขีดจำกัดนี้จะป้องกันไม่ให้การแคชเนื้อหาใช้ตัวอธิบายไฟล์จนหมด Apple ไม่รับประกันว่าแคชเนื้อหาจะสามารถรองรับลูกข่าย 3400 เครื่องได้พร้อมๆ กัน | 3400 | |||||||||
MaxParentDepth | จำนวนครั้งต่อคำขอที่แคชเนื้อหาลูกจะส่งต่อคำขอไปที่แคชเนื้อหาพาเรนต์ คำขอที่ลึกเกินไป (ห่วงโซ่การส่งต่อยาวเกินไป) จะถูกบังคับให้ส่งไปยังจุดเริ่มต้นแทนที่จะไปยังพาเรนต์ | 8 | |||||||||
MaxPeersToQuery | จำนวนแคชเนื้อหาเพียร์สูงสุดที่จะร้องขอเนื้อหา | 0 (ไม่จำกัด) | |||||||||
MetricsInterval | บ่อยเพียงใดเป็นวินาทีในการเพิ่มแถวของเมตริกไปยังฐานข้อมูลเมตริกใน /Library/Application Support/Apple/AssetCache/Metrics/Metrics.db
ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 1-60 วินาที คุณสามารถดูเมตริกเหล่านี้ได้ในบานหน้าต่างแคชของตัวตรวจสอบกิจกรรม | 60 (วินาที) | |||||||||
MetricsMaxAge | เมตริกที่เก่ากว่านี้จะถูกเอาออกจากฐานข้อมูลเมตริกวันละครั้ง ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือ 30 วัน | 30 (วัน) | |||||||||
OriginDownloadTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่อนุญาตให้การดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ของ Apple อยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานก่อนจะยกเลิก (และอาจพยายามดาวน์โหลดอีกครั้ง) ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 5 กับ 300 วินาที | 60 | |||||||||
OriginUploadTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่อนุญาตให้การอัพโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์เริ่มต้นอยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานก่อนจะยกเลิก ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 5 กับ 3600 วินาที | 600 | |||||||||
ParentDownloadTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่อนุญาตให้การดาวน์โหลดจากแคชเนื้อหาพาเรนต์อยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานก่อนจะยกเลิก (และอาจพยายามดาวน์โหลดอีกครั้ง) ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 5-300 วินาที | 60 | |||||||||
ParentRetryInterval | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่จะไม่สนใจแคชเนื้อหาพาเรนต์หลังจากที่แคชเนื้อหาประสบปัญหาเครือข่ายล้มเหลวหรือข้อผิดพลาดเซิร์ฟเวอร์ห้าครั้งติดต่อกัน ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 30-3600 วินาที | 900 | |||||||||
Parents | รายการที่อยู่ IP เฉพาะที่ของแคชเนื้อหาอื่นๆ ที่แคชเนื้อหานี้ควรดาวน์โหลดหรืออัพโหลดเนื้อหา แทนที่จะดาวน์โหลดจากหรืออัพโหลดไปที่ Apple โดยตรง ระบบจะไม่สนใจที่อยู่ที่ไม่ถูกต้องหรือที่อยู่ของคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่แคชเนื้อหา แคชพาเรนต์ที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้วจะถูกข้ามโดยอิงตาม ParentRetryInterval ถ้าแคชเนื้อหาพาเรนต์ทั้งหมดไม่สามารถใช้งานได้ แคชเนื้อหาจะดาวน์โหลดจากหรืออัพโหลดไปที่ Apple โดยตรงจนกว่าจะมีแคชเนื้อหาพาเรนต์ที่สามารถใช้งานได้อีกครั้ง คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ไม่มี | |||||||||
ParentSelectionPolicy | นโยบายที่จะใช้เมื่อเลือกแคชเนื้อหาพาเรนต์มากกว่าหนึ่งรายการซึ่งได้กำหนดค่าไว้แล้ว ในทุกๆ นโยบาย แคชพาเรนต์ที่ไม่มีให้ใช้งานชั่วคราวจะถูกข้าม นโยบายเหล่านี้ได้แก่:
คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | Round Robin | |||||||||
ParentUploadTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่อนุญาตให้การอัพโหลดไปยังแคชเนื้อหาพาเรนต์อยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานก่อนจะยกเลิก ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 5-3600 วินาที | 600 | |||||||||
PeerDownloadTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่อนุญาตให้การดาวน์โหลดจากแคชเนื้อหาเพียร์อยู่ในสถานะไม่ได้ใช้งานก่อนจะยกเลิก (และอาจพยายามดาวน์โหลดอีกครั้ง) ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 5 กับ 300 วินาที | 30 | |||||||||
PeerFilterRanges | เมื่อ PeerFilterRanges เป็นอาร์เรย์ (ของรายการต่างๆ เช่นเดียวกับ ListenRanges) แคชเนื้อหาจะฟิลเตอร์และจัดเรียงรายการเพียร์ของตัวเองโดยอิงตามช่วงต่างๆ ในอาร์เรย์ แคชเนื้อหาจะร้องขอเพียร์ที่อยู่ใน PeerFilterRanges เท่านั้น การฟิลเตอร์และการจัดเรียงจะถูกปรับใช้ก่อนการตัดทอนรายการเพียร์ที่รายการของ MaxPeersToQuery (ถ้ามีการตั้งค่านั้นอยู่) เมื่อ PeerFilterRanges เป็นอาร์เรย์ว่างเปล่า แคชเนื้อหาจะไม่ร้องขอเพียร์ใดๆ เมื่อ PeerFilterRanges เป็นจริงแบบบูลีน แคชเนื้อหาจะดำเนินการเหมือนกับที่ระบุด้านบน แต่จะใช้ค่า ListenRanges แทนที่จะเป็นค่า PeerFilterRanges เมื่อ PeerFilterRanges เป็นชนิดอื่นๆ หรือค่าดังกล่าวหายไป แคชเนื้อหาจะไม่ฟิลเตอร์หรือจัดเรียงรายการเพียร์ของตัวเองก่อนจะตัดทอนรายการที่รายการของ MaxPeersToQuery PeerFilterRanges จะส่งผลเฉพาะกับรายการแคชเนื้อหาอื่นๆ ที่แคชเนื้อหานี้ร้องขอเนื้อหาและการดาวน์โหลดเท่านั้น แต่จะไม่ส่งผลกับคำขอเนื้อหาที่ส่งเข้ามาจากแคชเนื้อหาอื่นๆ คีย์ย่อยสำหรับป้อนไม่จำเป็นอีกต่อไปและจะถูกไม่สนใจหากมีอยู่ คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ไม่มี | |||||||||
PeerListenRanges | เมื่อ PeerListenRanges เป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม ซึ่งพจนานุกรมแต่ละรายการแสดงถึงช่วงที่อยู่ IP แต่ละช่วง แคชเนื้อหาจะตอบสนองได้สำเร็จเฉพาะกับคำขอแคชเพียร์ที่มาจากแคชเนื้อหาที่มีที่อยู่ IP ซึ่งอยู่ในอาร์เรย์ของช่วงนี้เท่านั้น เมื่อ PeerListenRanges เป็นอาร์เรย์ว่างเปล่า แคชเนื้อหาจะตอบสนองคำขอแคชจากแคชเนื้อหาอื่นๆ พร้อมกับข้อผิดพลาด เมื่อ PeerListenRanges เป็นจริงแบบบูลีน แคชเนื้อหาจะใช้ค่า ListenRanges แทนค่า PeerListenRanges เพื่อตัดสินว่าแคชเนื้อหาอื่นๆ แคชใดที่แคชเนื้อหานี้จะตอบสนองคำขอแคชได้สำเร็จ เมื่อ PeerListenRanges เป็นชนิดอื่นๆ หรือค่าดังกล่าวหายไป แคชเนื้อหาจะตอบสนองคำขอแคชจากแคชเนื้อหาอื่นๆ ทั้งหมดได้สำเร็จ PeerListenRanges จะส่งผลเฉพาะกับแคชเนื้อหาที่แคชเนื้อหานี้ตอบสนองคำขอแคชได้สำเร็จเท่านั้น แต่จะไม่ส่งผลต่อรายการเพียร์ที่แคชเนื้อหานี้จะร้องขอเนื้อหาและการดาวน์โหลด เมื่อแคชเนื้อหาตอบสนองพร้อมกับข้อผิดพลาดจากคำขอแคช แคชเนื้อหาที่ส่งคำขอจะทำเครื่องหมายแคชเนื้อหาที่ตอบสนองเป็นแคชเนื้อหาที่ไม่เป็นมิตรและจะไม่พยายามส่งคำขอไปที่แคชเนื้อหานั้นอีกจนกว่า PeerRetryInterval จะหมดเวลา คีย์ย่อยสำหรับป้อนไม่จำเป็นอีกต่อไปและจะถูกไม่สนใจหากมีอยู่ คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ไม่มี | |||||||||
PeerLocalSubnetsOnly | กำหนดว่าแคชเนื้อหาควรจะเพียร์กับแคชเนื้อหาอื่นๆ ที่อยู่บนเครือข่ายเฉพาะที่เดียวกันเท่านั้นหรือไม่ แทนที่จะเพียร์กับแคชเนื้อหาที่ใช้ที่อยู่ IP สาธารณะเดียวกันกับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เมื่อ PeerLocalSubnetsOnly เป็นจริง แคชเนื้อหาจะร้องขอและตอบสนองได้สำเร็จเฉพาะกับคำขอเพียร์จากแคชเนื้อหาบนเครือข่ายเฉพาะที่เดียวกันเท่านั้น เมื่อ PeerLocalSubnetsOnly เป็นจริง ค่าดังกล่าวจะแทนที่การกำหนดค่าของ PeerFilterRanges และ PeerListenRanges เมื่อ PeerLocalSubnetsOnly เป็นเท็จ แคชเนื้อหาจะดำเนินการโดยอิงตาม PeerFilterRanges และ PeerListenRanges ในการกำหนดค่าการจำกัดการเพียร์ เมื่อ PeerLocalSubnetsOnly เป็นจริงและเครือข่ายเปลี่ยนไป การจำกัดการเพียร์เครือข่ายเฉพาะที่ก็จะอัพเดทไปตามความเหมาะสม คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ใช่ | |||||||||
PeerNotifyTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่จะให้รอการตอบกลับจากแคชเนื้อหาเพียร์เมื่อมีการปิงแคชเนื้อหาเหล่านั้นระหว่างที่เริ่มต้นระบบ ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 5 กับ 300 วินาที | 30 | |||||||||
PeerQueryTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่จะให้รอการตอบกลับจากแคชเนื้อหาเพียร์เมื่อมีการถามแคชเนื้อหาเหล่านั้นเกี่ยวกับเนื้อหาในแคช ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 1 กับ 60 วินาที | 5 | |||||||||
PeerRetryInterval | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่จะไม่สนใจแคชเนื้อหาเพียร์หลังจากที่แคชเนื้อหาประสบปัญหาแจ้งเตือนหรือร้องขอไม่สำเร็จสามครั้งติดต่อกัน หลังจากที่ช่วงเวลาการลองอีกครั้งหมดลง แคชเนื้อหาเพียร์จะถูกกู้คืนไปที่รายการเพียร์ที่จะร้องขอเนื้อหา ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 30 กับ 3600 วินาที | 900 (วินาที) | |||||||||
PersonalCacheLimit | จำกัดปริมาณพื้นที่ดิสก์ในหน่วยไบต์ที่แคชเนื้อหาใช้กับข้อมูล iCloud ที่แคช PersonalCacheLimit จะต้องไม่เกิน CacheLimit | 0 (ไม่จำกัด) | |||||||||
พอร์ต | เลขพอร์ต TCP ที่การแคชเนื้อหายอมรับคำขอการอัพโหลดหรือการดาวน์โหลด | 0 (ใช้พอร์ตแบบสุ่ม) | |||||||||
PruneAffinitiesAge | แอฟฟินิตี้ของผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่าจำนวนวันที่ระบุนี้จะถูกเอาออกจากแคชแอฟฟินิตี้โดยอัตโนมัติ แอฟฟินิตี้ของผู้ใช้จะบอกใบ้ลูกข่ายว่าเนื้อหาของลูกข่ายเหล่านั้นถูกแคชไว้ที่ใด เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น การลดแอฟฟินิตี้ของผู้ใช้จะไม่ส่งผลต่อเนื้อหาที่แคชแล้ว ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือ 7 วัน | 30 (วัน) | |||||||||
PruneAffinitiesInterval | ความถี่ในหน่วยวันซึ่งแคชเนื้อหาควรสแกนหาและเอาแอฟฟินิตี้ของผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่าจำนวนวันของ PruneAffinitiesAge ออก แอฟฟินิตี้ของผู้ใช้ ซึ่งใช้โดย iCloud เท่านั้น จะบอกใบ้ลูกข่ายว่าเนื้อหาของลูกข่ายเหล่านั้นถูกแคชไว้ที่ใด เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น การลดแอฟฟินิตี้ของผู้ใช้จะไม่ส่งผลต่อเนื้อหาที่แคชแล้ว ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือหนึ่งวัน | 7 (วัน) | |||||||||
PruneAssetsAge | เนื้อหาที่ไม่ได้มีการร้องขอภายในจำนวนวันที่ระบุนี้จะถูกเอาออกจากแคชเนื้อหาโดยอัตโนมัติ ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือ 7 วัน | 120 (วัน) | |||||||||
PruneAssetsInterval | ความถี่ในหน่วยวันซึ่งแคชเนื้อหาควรสแกนหาและเอาเนื้อหาที่มีอายุมากกว่าจำนวนวันของ PruneAssetsAge ออก ค่าที่ถูกตรึงขั้นต่ำคือหนึ่งวัน | 7 (วัน) | |||||||||
PublicRanges | ช่วงที่อยู่ IP ที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ควรใช้ในการจับคู่ลูกข่ายกับแคชเนื้อหา คุณยังสามารถกำหนดค่านี้ได้ในการตั้งค่าการแคชเนื้อหาอีกด้วย | ไม่มีค่าเริ่มต้น | |||||||||
ReservedVolumeSpace | จำนวนไบต์ขั้นต่ำของพื้นที่ว่างบนดิสก์ซึ่งควรสงวนไว้สำหรับดิสก์โวลุ่มที่จัดเก็บเนื้อหาที่แคช | 2000000000 (2 GB) | |||||||||
TerminationTimeout | ระยะเวลาเป็นวินาทีที่แคชเนื้อหาควรพยายามยกเลิกการลงทะเบียนเมื่อถูกหยุด การยกเลิกการลงทะเบียนจะแจ้งให้ลูกข่ายทราบว่าแคชเนื้อหาไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เพื่อที่ลูกข่ายจะได้ไม่พยายามใช้แคชเนื้อหานั้นอีก (หรือจนกว่าแคชเนื้อหานั้นจะเริ่มทำงานอีกครั้ง) ค่าที่ถูกตรึงจะอยู่ระหว่างและรวมถึง 1 กับ 60 วินาที | 10 (วินาที) | |||||||||
Verbose | เมื่อ Verbose=true แคชเนื้อหาจะบันทึกข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับกิจกรรมของแคชเนื้อหา การบันทึกที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ ไม่แนะนำให้ใช้การตั้งค่านี้ในระยะยาว ใช้คำสั่ง ตัวอย่าง: คุณยังสามารถใช้แอพจอคอนโซลเพื่อดูบันทึกได้อีกด้วย | ไม่ใช่ |
ตัวอย่างคีย์ ListenRanges
คุณสามารถใช้คีย์ ListenRanges เพื่อระบุแคชเนื้อหาที่ต้องการได้ในโทโพโลยีเครือข่ายขั้นสูง ซึ่งเป็นที่ที่แคชเนื้อหาหลายๆ รายการจะถูกใช้งานภายใต้ที่อยู่ IP สาธารณะเดียวกัน
ตัวอย่าง:
caching1.example.com ใช้คีย์ ListenRanges เพื่อระบุช่วงของ 10.0.0.1 ถึง 10.0.0.254 และ 10.1.0.1 ถึง 10.1.0.254 รวมทั้งตั้งค่าคีย์ ListenRangesOnly เป็นไม่มี
caching2.example.com ใช้คีย์ ListenRanges เพื่อระบุช่วงของ 10.1.0.1 ถึง 10.1.0.39 (จดการซ้อนทับกับช่วงที่สองของ caching1) และตั้งค่าคีย์ ListenRangesOnly เป็นไม่มี
ถ้าลูกข่ายซึ่งมีที่อยู่ IP เป็น 10.0.0.10 ร้องขอเนื้อหา ลูกข่ายนั้นจะถูกนำไปที่ caching1
ถ้าลูกข่ายซึ่งมีที่อยู่ IP เป็น 10.1.0.10 ร้องขอเนื้อหา ลูกข่ายนั้นจะถูกนำไปที่ caching1 หรือ caching2 โดยการเลือกแบบสุ่ม
ถ้าลูกข่ายซึ่งมีที่อยู่ IP เป็น 10.2.0.10 ร้องขอเนื้อหา ลูกข่ายนั้นจะถูกนำไปที่ caching1 หรือ caching2 โดยการเลือกแบบสุ่ม
ถ้า caching1 ถูกปิดหรือสูญเสียพลังงาน แต่ caching2 ยังสามารถใช้งานได้ ลูกข่ายทุกเครื่องจะถูกนำไปที่ caching2
ไฟล์ plist ตัวอย่าง
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างไฟล์ /คลัง/Preferences/com.apple.AssetCache.plist
<?xml version="1.0" encoding="UTF-8"?>
<!DOCTYPE plist PUBLIC "-//Apple//DTD PLIST 1.0//EN" "http://www.apple.com/DTDs/PropertyList-1.0.dtd">
<plist version="1.0">
<dict>
<key>CacheLimit</key>
<!-- Set a CacheLimit of 200 GB -->
<integer>200000000000</integer>
<key>DataPath</key>
<string>/Volumes/BigDisk/Library/Application Support/Apple/AssetCache/Data</string>
<key>Interface</key>
<string>en1</string>
<key>ListenRanges</key>
<array>
<dict>
<key>type</key>
<string>IPv4</string>
<key>first</key>
<string>10.1.2.1</string>
<key>last</key>
<string>10.1.2.254</string>
</dict>
<dict>
<key>type</key>
<string>IPv6</string>
<key>first</key>
<string>2001:500:88:200::1</string>
<key>last</key>
<string>2001:500:88:200::99</string>
</dict>
</array>
<key>LogClientIdentity</key>
<string>true</string>
<key>Port</key>
<integer>12345</integer>
<key>ReservedVolumeSpace</key>
<!-- Set the ReservedVolumeSpace to 1 GB -->
<integer>1000000000</integer>
</dict>
</plist>