การวัดและปรับเทียบ Apple Pro Display XDR

1. ไปที่หน้าของนักพัฒนา AVFoundation
2. ในส่วนแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ให้คลิกรูปแบบการทดสอบสีเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ทดสอบ 
3. ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ QuickTime-Test-Pattern.zip เพื่อแยกไฟล์เก็บถาวร

1. จัดแนวเครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมของบริษัทอื่นให้อยู่ตรงกลางจอแสดงผล
2. โปรดทำให้ห้องมืดสลัวหรือมืดเพื่อป้องกันแสงจากภายนอกหรือแสงสะท้อนจากการวัด
3. เปิดโฟลเดอร์ภาพยนตร์รูปแบบการทดสอบ QuickTime แล้วเลือกชุดรูปแบบที่คุณต้องการทดสอบ แต่ละโฟลเดอร์มีลำดับของไฟล์ภาพยนตร์สำหรับการวัดสีหรือความสว่างใน HDR, BT.709 และ BT.601
   
4. เปิดแต่ละไฟล์ใน QuickTime Player แล้ววัดไฟล์ภาพยนตร์รูปแบบการทดสอบแต่ละไฟล์ในโฟลเดอร์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการอ้างอิงที่ตั้งไว้ล่วงหน้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันตรงกับรูปแบบการทดสอบที่เลือก ตัวอย่างเช่น ใช้การตั้งค่าวิดีโอ HDR (P3–ST 2084) ที่มีให้อยู่แล้วเมื่อใช้รูปแบบที่ใช้ HDR10
5. เปรียบเทียบสี (ตามสี) และค่าความสว่างที่คุณวัดกับค่าในไฟล์ Reference Values.txt ในโฟลเดอร์รูปแบบการทดสอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในการอ่านค่าที่เกี่ยวข้องกับค่าอ้างอิง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความทนทานหรือการปรับเทียบของเครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมของคุณ

หากค่าที่วัดได้แตกต่างจากค่าอ้างอิงอย่างมีนัยสำคัญ ให้ดูเคล็ดลับสำหรับการวัดจอแสดงผล

การปรับเทียบแบบ In-field อีกครั้งต้องใช้ macOS Catalina 10.15.6 หรือใหม่กว่า เฟิร์มแวร์จอภาพ 4.2.37 และเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งต่อใดนี้

Photo Research

• PR-740, PR-745 หรือ PR-788
• แบนด์วิธที่แนะนำ: 4nm หรือ 5nm
• รูรับแสงที่ต้องการ: 0.1, 0.125, 0.2 หรือ 0.25

Colorimetry Research

• CR-300

หากคุณต้องการกำหนดค่าพื้นฐานให้กับจอแสดงผลของคุณ ให้วัดจอแสดงผลก่อนและหลังการปรับเทียบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้เครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมเดียวกันสำหรับการวัดและปรับเทียบ 

1. ตั้งค่าจอภาพของคุณเป็นการอ้างอิงที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าของ macOS ที่คุณใช้บ่อยที่สุด
2. ดาวน์โหลดและเปิด Pro Display XDR Calibrator แล้วคลิกดำเนินการต่อ
   
3. เชื่อมต่อเครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมที่รองรับกับ Mac
4. คลิกปรับเทียบ แล้วตรวจสอบว่ายูทิลิตี้เปิดอยู่บน Pro Display XDR ที่คุณต้องการปรับเทียบ จากนั้นคลิกถัดไป
5. เล็งอุปกรณ์การวัดไปที่กึ่งกลางของจุดสีเขียว แล้วคลิกดำเนินการต่อ 
6. ใช้ระยะการวัดที่กำหนดสำหรับแต่ละเครื่องมือ เช่น CR-300 ควรแนบชิดกับจอแสดงผล
7. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ แล้วตรวจสอบว่าเครื่องมือตั้งฉากกับจอแสดงผล จากนั้นคลิกเริ่ม หากจอแสดงผลเชื่อมต่ออยู่กับโน้ตบุ๊ก Mac อย่าปิดฝาในขณะที่กำลังดำเนินการปรับเทียบอยู่
   การปรับเทียบอาจใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง โดยรวมระยะเวลาอุ่นเครื่อง 30 นาทีแล้ว
8. หลังจากที่การปรับเทียบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกเสร็จสิ้น

หากคุณเลือกการอ้างอิงที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าแบบอื่น ให้ปรับแต่งการปรับเทียบอย่างละเอียดหากจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หากต้องการคืนค่าจอแสดงผลเป็นการปรับเทียบจากโรงงาน ให้เปิด Pro Display XDR Calibrator แล้วคลิกรีเซ็ตการปรับเทียบ จากนั้นคลิกรีเซ็ต

• ควบคุมสภาพแวดล้อมโดยรอบเพื่อลดแสงรบกวนที่สะท้อนมายังพื้นที่เป้าหมายของรูรับแสงบนจอแสดงผล
• Apple แนะนำให้ทำการวัดและปรับเทียบในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแวดล้อม 77 องศาฟาเรนไฮต์หรือเย็นกว่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันมากที่สุด อุณหภูมิแวดล้อมควรใกล้เคียงกันระหว่างการปรับเทียบและการใช้งานทั่วไป

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจอแสดงผลอุ่นเครื่องอย่างน้อย 30 นาทีและความร้อนคงที่
• จัดแนวมิเตอร์เพื่อให้ตั้งฉากกับจอแสดงผลและระดับบนแกน x เพื่อลดการโพลาไรซ์
• ตรวจสอบการตั้งค่าการเปิดรับแสงของมิเตอร์ของคุณ หากมิเตอร์ของคุณมีโหมดการเปิดรับแสงอัตโนมัติ ให้เปิดโหมดดังกล่าว การดำเนินการนี้จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการอ่านในระดับความสว่างต่างๆ หากมิเตอร์ไม่มีโหมดการเปิดรับแสงอัตโนมัติ ให้ตรวจสอบการตั้งค่าที่แนะนำจากผู้ผลิตเครื่องมือ ตรวจสอบตัวเลือกการกำหนดค่าสำหรับการวางตำแหน่งและระยะโฟกัส รูรับแสง แบนด์วิธ การเปิดรับแสง ความเร็วในการวัด การซิงค์จอแสดงผล และคุณสมบัติอัตโนมัติหรือไดนามิกใดๆ ที่เครื่องมืออาจมี
• ตรวจสอบว่ามิเตอร์ของคุณมีการตั้งค่าเวลาในการรวมหรือไม่ ใช้เวลาในการรวมนานขึ้นหากทำได้ เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
• หากมิเตอร์มีการตั้งค่าฟิลเตอร์ความหนาแน่นเป็นกลาง (ND) อัตโนมัติ ให้ปิดการตั้งค่านี้

ตรวจสอบข้อมูลจำเพาะของผู้ผลิตเพื่อพิจารณาความทนทานของเครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมของคุณ ความแปรปรวนที่พบอาจเป็นผลมาจากเงื่อนไขใดๆ ต่อไปนี้

• การปรับเทียบเครื่องมือที่แตกต่างกันซึ่งใช้อุบัติการณ์ที่แตกต่างกันของแหล่งความสว่าง A
• ความไม่แน่นอนที่อยู่ในแหล่งความสว่าง A แต่ละแหล่ง
• การออกแบบฮาร์ดแวร์เครื่องมือที่แตกต่างกันและเส้นทางแสงที่แตกต่างกันทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่สืบเนื่องมา

หากเครื่องมือไม่ตอบสนอง โปรดติดต่อผู้ผลิตเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรีเซ็ตเครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัม