ชาร์จและเชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB-C บน iPad

ใช้พอร์ต USB-C อเนกประสงค์บน iPad ของคุณเพื่อชาร์จ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์จัดเก็บขอมูลภายนอก กล้อง และจอภาพ และจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ

ipad-pro-usb-c-camera-connection-hero-2

สิ่งที่ต้องมี

คุณต้องมี iPad รุ่นที่มีพอร์ต USB-C ดังต่อไปนี้

  • iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1 หรือใหม่กว่า)

  • iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3 หรือใหม่กว่า)

  • iPad Air (รุ่นที่ 4 หรือใหม่กว่า)

  • iPad mini (รุ่นที่ 6)

ชาร์จ iPad

หากต้องการชาร์จ iPad ให้ต่อสาย USB-C ที่มาด้วยกันเข้ากับพอร์ต USB-C ของอุปกรณ์ แล้วต่อเข้ากับอะแดปเตอร์แปลงไฟที่มาด้วยกัน จากนั้นเสียบอะแดปเตอร์เข้ากับเต้ารับบนผนัง

หากคุณมีอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ที่มีกำลังวัตต์มากกว่านั้น เช่น อะแดปเตอร์แปลงไฟที่มาพร้อมกับแล็ปท็อป Mac คุณก็สามารถนำมาใช้กับ iPad เพื่อการชาร์จที่เร็วขึ้นได้ คุณยังสามารถชาร์จ iPad โดยเชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C บนคอมพิวเตอร์ของคุณได้อีกด้วย

เชื่อมต่อ iPad กับ Mac หรือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น

คุณสามารถเชื่อมต่อ iPad กับ Mac หรือ PC เพื่อชาร์จอุปกรณ์หรือซิงค์คอนเทนต์โดยใช้ iTunes หรือ Finder*

ขั้นแรก ให้ระบุพอร์ตบนคอมพิวเตอร์ของคุณ หากคอมพิวเตอร์ของคุณเป็นรุ่นใหม่กว่าที่มีพอร์ต USB-C ให้ใช้สาย USB-C ที่มาพร้อม iPad

หากคอมพิวเตอร์ของคุณมีเพียงพอร์ต USB-A คุณจะต้องใช้สาย USB-A เป็น USB-C เพื่อเชื่อมต่อกับ iPad ตัวอย่างหนึ่งคือ สาย mophie USB-A พร้อมหัวต่อ USB-C สายที่ถูกต้องจะมีขั้วต่อที่มีลักษณะดังนี้

thunderbolt-3-usb-c-port-icon-3macbook-pro-usb-a-port-icon.

เชื่อมต่อกับจอภาพและจอมอนิเตอร์

พอร์ต USB-C บน iPad เชื่อมต่อกับจอภาพภายนอก คุณจึงสามารถดูวิดีโอ เล่นงานนำเสนอ Keynote และทำสิ่งอื่นๆ ได้บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ทั้งนี้คุณอาจต้องใช้อะแดปเตอร์ ขึ้นอยู่กับจอภาพที่คุณเชื่อมต่อด้วย

เมื่อคุณเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอก จอจะแสดงสิ่งที่อยู่บนจอภาพ iPad เว้นแต่คุณจะใช้แอปที่ดูแบบหน้าจอที่สองได้ (เช่นแอปวิดีโอ)

จอภาพ USB-C

iPad ใช้โปรโตคอล DisplayPort เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับจอภาพ USB-C1

  • สูงสุด 4K สำหรับ iPad Air (รุ่นที่ 4) และ iPad mini (รุ่นที่ 6)

  • สูงสุด 5K สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2) และ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4)

  • สูงสุด 6k สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3), iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) และ iPad Air (รุ่นที่ 5) ที่ใช้กับ Pro Display XDR

iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) และ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) ยังรองรับจอภาพ Thunderbolt ด้วย

หากต้องการเชื่อมต่อ iPad กับจอภาพความละเอียดสูง ให้ใช้สาย USB-C ที่รองรับการเชื่อมต่อแบนด์วิดท์สูง เช่น สายที่มาพร้อมกับจอภาพ, สาย Thunderbolt 3 ของ Belkin (USB-C เป็น USB-C) หรือสาย Apple Thunderbolt 3 (USB-C) (จำหน่ายแยกต่างหาก2

iPad ยังรองรับจอภาพ USB-C แบบช่วงไดนามิกสูงที่ใช้มาตรฐาน HDR10 อีกด้วย และคุณสามารถสลับระหว่างโหมด SDR และ HDR ได้โดยไปที่การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง แล้วเลือกจอภาพที่เชื่อมต่ออยู่ iPad จะจับคู่อัตราเฟรมและช่วงไดนามิกของคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่ในขณะนั้นเมื่อคุณเปิดอนุญาตให้เปลี่ยนโหมดจอภาพ

จอภาพ USB-C บางตัวยังสามารถชาร์จ iPad ขณะที่เชื่อมต่ออยู่ได้อีกด้วย

iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2), iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4) และ iPad Air (รุ่นที่ 5) รองรับจอภาพ LG UltraFine 5K ปี 2019 ที่ความละเอียด 4K พร้อมภาพ เสียง ข้อมูล และการจ่ายไฟ iPad รุ่นเหล่านี้ไม่รองรับจอภาพ Thunderbolt เช่น จอภาพ LG UltraFine 5K ปี 2016

2. สาย Apple Thunderbolt 3 (USB-C) มีสัญลักษณ์ Thunderbolt เพื่อให้แตกต่างจากสาย USB-C

จอภาพหรือทีวี HDMI

คุณสามารถเชื่อมต่อ iPad กับจอภาพหรือทีวี HDMI ได้ด้วยอะแดปเตอร์ USB-C เป็น HDMI อะแดปเตอร์ที่รองรับ HDMI 2.0 สามารถส่งสัญญาณภาพจาก iPad Pro และ iPad Air (รุ่นที่ 5) ที่ความละเอียด 4K และ 60Hz ในขณะที่ iPad Air (รุ่นที่ 4) และ iPad mini (รุ่นที่ 6) สามารถส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียด 4K และ 30Hz

อะแดปเตอร์มัลติพอร์ต Digital AV แบบ USB-C จาก Apple ก็สามารถใช้งานร่วมกับ iPad ได้เช่นกัน อะแดปเตอร์นี้สามารถส่งสัญญาณภาพจาก iPad Pro และ iPad Air (รุ่นที่ 5) ที่ความละเอียดสูงสุด 4K และ 60Hz* ขณะที่ iPad Air (รุ่นที่ 4) และ iPad mini (รุ่นที่ 6) สามารถส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียดสูงสุด 4K และ 30Hz ได้

iPad สามารถส่งสัญญาณเสียง Dolby Digital Plus ผ่าน HDMI ได้ แต่ไม่สามารถส่งสัญญาณเสียง Dolby Atmos นอกจากนี้ iPad จะเล่นคอนเทนต์ HDR10 หรือ Dolby Vision ผ่าน HDMI เมื่อมีอะแดปเตอร์ HDMI 2.0 ที่รองรับรูปแบบเหล่านี้ให้ใช้งาน

* เมื่อคุณใช้อะแดปเตอร์มัลติพอร์ต Digital AV แบบ USB-C จาก Apple กับ iPad คุณจะเห็นหน้าจอโฮมและแอปปรากฏบนจอภาพ HDMI ที่ความละเอียด 1080p และ 60Hz เมื่อคุณเริ่มเล่นวิดีโอ ความละเอียดจะเปลี่ยนไปตรงกับคอนเทนต์ สูงสุด 4K ที่ 60Hz เปิดตัวเลือก "ให้ตรงกับเนื้อหา" บน iPad ในการตั้งค่า > จอภาพ

เล่นเสียง

หากต้องการเล่นเสียงบน iPad คุณสามารถใช้ลำโพงในตัว เชื่อมต่อกับ AirPods หรืออุปกรณ์บลูทูธอื่นๆ หรือใช้ AirPlay ได้ คุณยังสามารถใช้พอร์ต USB-C เพื่อเชื่อมต่อด็อค USB-C, อินเทอร์เฟซเสียง หรือหูฟังแบบมีสายที่มีขั้วต่อ USB-C ได้ด้วย

หากคุณจำเป็นต้องเล่นเสียงผ่านพอร์ต USB-C ไปยังลำโพงหรือหูฟังอื่นๆ ให้เชื่อมต่อโดยใช้อะแดปเตอร์ USB-C เป็นช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. จาก Apple (จำหน่ายแยกต่างหาก)

เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ

พอร์ต USB-C บน iPad ของคุณยังทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายอย่าง* ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเชื่อมต่อกล้องดิจิทัลหรือตัวอ่านการ์ด SD ผ่าน USB-C จาก Apple อุปกรณ์ USB อื่นๆ ที่คุณสามารถเชื่อมต่อกับ iPad ได้รวมถึงอุปกรณ์ต่อไปนี้

  • อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก

  • ฮับและด็อค

  • คีย์บอร์ด

  • อินเทอร์เฟซเสียงและอุปกรณ์ MIDI

  • อะแดปเตอร์ USB เป็นอีเทอร์เน็ต

ใช้อะแดปเตอร์

คุณอาจต้องใช้อะแดปเตอร์สำหรับอุปกรณ์บางประเภท วิธีการเชื่อมต่อโดยทั่วไป มีดังนี้

  • หากอุปกรณ์ที่คุณกำลังเชื่อมต่อมีพอร์ต USB-C คุณแค่ต้องใช้สายที่มีขั้วต่อ USB-C ที่ปลายสายแต่ละด้าน เช่น สายที่มาพร้อมกับ iPad

  • หากอุปกรณ์มีขั้วต่อ USB-C คุณสามารถเสียบขั้วต่อเข้ากับพอร์ต USB-C ของ iPad Pro ได้โดยตรง

  • หากอุปกรณ์มีขั้วต่อ USB-A คุณสามารถเสียบเข้ากับอะแดปเตอร์ USB-C เป็น USB จากนั้นเสียบอะแดปเตอร์กับพอร์ต USB-C ของ iPad

Thunderbolt และ USB4

iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) และ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) ยังรองรับอุปกรณ์เสริม Thunderbolt และ USB 4 ประสิทธิภาพสูงที่มีหลากหลายด้วย อุปกรณ์เสริมบางอย่างสามารถขอพลังงานที่สูงกว่าจาก iPad ของคุณซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ อย่าลืมถอดอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ออกจาก iPad Pro เมื่อคุณไม่ได้ใช้งาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ข้อมูลจำเพาะของผู้ผลิต

ใช้ iPad เพื่อชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ

หากคุณอยู่ห่างจากเต้ารับไฟฟ้าและต้องการชาร์จ iPhone, iPad เครื่องอื่น, Apple Watch หรืออุปกรณ์ USB ของบริษัทอื่น เพียงต่อสายหรืออะแดปเตอร์ที่ถูกต้องเข้ากับ iPad เพื่อแชร์แบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานกับอุปกรณ์อื่นๆ ของคุณโดยใช้วิธีต่อไปนี้

  • หากต้องการชาร์จ iPhone หรือ iPad รุ่นก่อนหน้าที่มีพอร์ต Lightning ให้เชื่อมต่อกับ iPad โดยใช้สาย Apple USB-C เป็น Lightning (1 ม.) หากคุณมีสาย Lightning เป็น USB สามารถต่อเข้ากับอะแดปเตอร์ Apple USB-C เป็น USB แล้วเชื่อมต่ออะแดปเตอร์กับ iPad

  • หากคุณมี iPad สองรุ่นที่มีพอร์ต USB-C คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งสองเครื่องได้โดยตรงผ่านสาย USB-C iPad เครื่องหนึ่งจะดึงกำลังไฟจากอีกเครื่อง หากคุณต้องการเปลี่ยน iPad เครื่องที่ชาร์จ ให้ถอดสาย USB-C แล้วเสียบกลับเข้าไปอีกครั้ง

  • ชาร์จ Apple Watch โดยต่อสายชาร์จแบบแม่เหล็กกับ iPad ผ่านอะแดปเตอร์ Apple USB-C เป็น USB หากคุณมีสายชาร์จเร็วแบบแม่เหล็กเป็น USB-C สำหรับ Apple Watch คุณสามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับ iPad ได้

* ความเร็วในการส่งข้อมูลจะแตกต่างกันตามรุ่นของ iPad ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือกับอีกอุปกรณ์หนึ่ง

การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตโดย Apple หรือเว็บไซต์อิสระที่ Apple ไม่ได้ควบคุมหรือทดสอบไม่ถือเป็นการแนะนำหรือการรับรองใดๆ Apple จะไม่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือก ประสิทธิภาพการทำงาน หรือการใช้งานเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น Apple ไม่รับรองความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของบริษัทอื่น โปรดติดต่อผู้จำหน่ายหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

วันที่เผยแพร่: