ECG คืออะไร
การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (หรือที่เรียกว่า ECG หรือ EKG) คือการทดสอบที่จะบันทึกระยะเวลาและกำลังของสัญญาณไฟฟ้าที่ทำให้หัวใจเต้น เมื่อดูที่ ECG แพทย์จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับจังหวะการเต้นของหัวใจของคุณและตรวจสอบหาความผิดปกติต่างๆ ได้
วิธีใช้แอป ECG
แอป ECG สามารถบันทึกการเต้นและจังหวะการเต้นของหัวใจได้โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเต้นของหัวใจด้วยไฟฟ้าใน Apple Watch Series 4 หรือใหม่กว่า และ Apple Watch Ultra ทุกรุ่น* แล้วตรวจสอบค่าบันทึกเพื่อหาภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) ซึ่งเป็นการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติรูปแบบหนึ่ง
แอป ECG จะบันทึกค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจซึ่งแสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ทำให้หัวใจของคุณเต้น แอป ECG จะตรวจสอบคลื่นไฟฟ้าเหล่านี้เพื่อให้ทราบอัตราการเต้นของหัวใจและดูว่าหัวใจห้องบนและห้องล่างของคุณเต้นถูกจังหวะหรือไม่ หากหัวใจของคุณเต้นผิดจังหวะ นั่นอาจหมายถึง AFib
สิ่งที่คุณต้องมี
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอป ECG มีให้บริการในประเทศหรือภูมิภาคของคุณ ดูว่าแอป ECG มีให้ใช้งานที่ใดบ้าง
- อัปเดต iPhone ให้มี iOS เวอร์ชั่นล่าสุด และ Apple Watch ให้มี watchOS เวอร์ชั่นล่าสุด
- แอป ECG ไม่ได้มีไว้ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 22 ปีใช้งาน
ติดตั้งและตั้งค่าแอป ECG
แอป ECG จะได้รับการติดตั้งในระหว่างการตั้งค่าแอป ECG ในแอปสุขภาพ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อตั้งค่าแอป ECG
- เปิดแอปสุขภาพใน iPhone
- ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ หากคุณไม่เห็นข้อความแจ้งให้ตั้งค่า ให้แตะแท็บเลือกหา จากนั้นแตะหัวใจ > ภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) > ตั้งค่าแอป ECG
- หลังจากที่คุณตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดแอป ECG เพื่อทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
หากคุณยังไม่เห็นแอปใน Apple Watch ให้เปิดแอป Watch ใน iPhone แล้วแตะ "หัวใจ " จากนั้นแตะติดตั้งในส่วน ECG เพื่อติดตั้งแอป ECG
ทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
คุณสามารถวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ตลอดเวลาเมื่อคุณรู้สึกว่ามีอาการ เช่น หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ เมื่อคุณมีความกังวลทั่วไปเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจของคุณ หรือเมื่อคุณได้รับ การแจ้งเตือนจังหวะการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอ
- ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณใส่ Apple Watch กระชับพอดี และอยู่บนข้อมือที่คุณเลือกไว้ในแอป Apple Watch หากต้องการตรวจสอบ ให้เปิดแอป Apple Watch แล้วแตะที่แท็บ Apple Watch ของฉัน จากนั้นไปที่ทั่วไป > แนวของนาฬิกา
- เปิดแอป ECG ใน Apple Watch
- วางแขนของคุณบนโต๊ะหรือบนหน้าตัก
- วางนิ้วมือข้างที่ไม่ได้สวมนาฬิกาค้างไว้บน Digital Crown คุณไม่จำเป็นต้องกด Digital Crown ระหว่างช่วงนี้
- รอ การบันทึกใช้เวลา 30 วินาที เมื่อการบันทึกค่าเสร็จสิ้น คุณจะได้รับการจัดประเภท จากนั้นให้คุณแตะเพิ่มอาการ แล้วเลือกอาการของคุณ
- แตะบันทึกเพื่อบันทึกอาการ แล้วแตะเสร็จสิ้น
วิธีอ่านผลลัพธ์
หลังการอ่านเสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณจะได้รับผลลัพธ์ประเภทใดประเภทหนึ่งต่อไปนี้ในแอป ECG หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการใดๆ คุณควรปรึกษาแพทย์ ไม่ว่าผลลัพธ์จะบอกว่าอย่างไรก็ตาม
จังหวะไซนัส
ผลลัพธ์ที่เป็นจังหวะไซนัสหมายความว่าหัวใจเต้นในรูปแบบที่สม่ำเสมอระหว่าง 50 ถึง 100 BPM โดยที่ผลลัพธ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อหัวใจห้องบนและห้องล่างเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน และผลลัพธ์ที่เป็นจังหวะไซนัสสามารถใช้ได้เฉพาะกับค่าบันทึกดังกล่าวเท่านั้น และไม่ได้หมายความว่าหัวใจของคุณเต้นในรูปแบบที่สอดคล้องกันตลอดเวลา อีกทั้งยังไม่ได้หมายความว่าคุณมีสุขภาพดี หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการใดๆ คุณควรปรึกษาแพทย์
ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib)
ผลลัพธ์ AFib หมายความว่าหัวใจเต้นในรูปแบบที่ผิดปกติ AFib เป็นรูปแบบของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติที่พบมากที่สุด หากคุณได้รับการจัดประเภทเป็นภาวะ AFib และคุณไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะ AFib คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ แอป ECG เวอร์ชั่น 1 สามารถตรวจหา AFib ได้ระหว่าง 50 ถึง 120 BPM แอป ECG เวอร์ชั่น 2 สามารถตรวจหาภาวะ AFib ได้ระหว่าง 50 ถึง 150 BPM
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอป ECG เวอร์ชั่นที่มีให้บริการ และดูว่าคุณกำลังใช้แอปเวอร์ชั่นใด
อัตราการเต้นของหัวใจต่ำหรือสูง
อัตราการเต้นของหัวใจต่ำกว่า 50 BPM หรือสูงกว่า 120 BPM ใน ECG เวอร์ชั่น 1 จะส่งผลกระทบต่อความสามารถของแอป ECG ในการตรวจหา AFib ใน ECG เวอร์ชั่น 2 อัตราการเต้นของหัวใจต่ำกว่า 50 BPM หรือสูงกว่า 150 BPM จะส่งผลกระทบต่อความสามารถของแอป ECG ในการตรวจหา AFib
- อัตราการเต้นของหัวใจอาจต่ำเนื่องจากยาบางประเภทหรืออาจเกิดจากการไม่ได้ทำการวัดสัญญาณไฟฟ้ากับหัวใจอย่างถูกต้อง การฝึกซ้อมเพื่อเป็นนักกีฬาขั้นสูงอาจทำให้อัตราการเต้นของหัวใจต่ำได้เช่นกัน
- อัตราการเต้นของหัวใจสูงอาจเป็นผลมาจากการออกกำลังกาย ความเครียด ความประหม่า แอลกอฮอล์ ภาวะขาดน้ำ การติดเชื้อ AFib หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอื่นๆ
ไม่สามารถสรุปผลได้
ผลลัพธ์แบบไม่สามารถสรุปผลได้หมายความว่าไม่สามารถจัดประเภทข้อมูลที่บันทึกได้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งต่อไปนี้
- ใน ECG เวอร์ชั่น 1 อัตราการเต้นของหัวใจของคุณอยู่ระหว่าง 100 ถึง 120 BPM และคุณไม่มีภาวะ AFib
- คุณมีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจหรือเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า (ICD)
- ค่าบันทึกอาจแสดงสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือภาวะเกี่ยวกับหัวใจอื่นๆ ที่แอปไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจวัดได้
- สภาพทางสรีระบางประเภทอาจทำให้ผู้ใช้บางส่วนไม่สามารถสร้างสัญญาณที่เพียงพอต่อการสร้างบันทึกที่ดีได้
สำหรับ ECG เวอร์ชั่น 1 คุณยังอาจได้รับผลลัพธ์ที่ไม่สามารถสรุปผลได้หากคุณไม่ได้วางแขนไว้บนโต๊ะในระหว่างการบันทึก หรือสวม Apple Watch หลวมเกินไป ดูวิธีรับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การบันทึกไม่ดี
การจัดประเภทนี้มีเฉพาะใน ECG เวอร์ชั่น 2 การบันทึกไม่ดีหมายความว่าไม่สามารถจัดประเภทของผลลัพธ์ได้ หากคุณได้รับผลลัพธ์เป็นการบันทึกไม่ดี ให้ลองทำดังนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- วางแขนของคุณบนโต๊ะหรือบนหน้าตักขณะทำการบันทึก พยายามผ่อนคลายและไม่เคลื่อนไหวมากนัก
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Apple Watch บนข้อมือไม่หลวมเกินไป สายควรจะกระชับพอดี และส่วนหลังของ Apple Watch จะต้องสัมผัสกับข้อมือของคุณ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมือและ Apple Watch ของคุณแห้งและสะอาด น้ำและเหงื่อสามารถทำให้การบันทึกไม่ดีได้
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Apple Watch อยู่บนข้อมือข้างที่คุณเลือกไว้ในการตั้งค่า
- อยู่ให้ห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบอยู่กับแหล่งจ่ายไฟเพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนทางไฟฟ้า
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ โปรดติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ Apple
ดูและแชร์ข้อมูลสุขภาพของคุณ
รูปคลื่น ECG, การจำแนกที่เกี่ยวข้อง และอาการที่เด่นชัดต่างๆ จะได้รับการบันทึกอยู่ในแอปสุขภาพใน iPhone หรือ iPad ของคุณ และคุณยังสามารถแชร์ไฟล์ PDF กับแพทย์ได้อีกด้วย
- เปิดแอปสุขภาพบน iPhone หรือ iPad ของคุณ
- หากคุณใช้ iPhone ให้แตะเรียกดู หากคุณใช้ iPad ให้แตะ เพื่อเปิดแถบด้านข้าง
- แตะหัวใจ จากนั้นแตะคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
- แตะแผนภูมิเพื่อดูผลลัพธ์ ECG ของคุณ
- แตะส่งออกไฟล์ PDF สำหรับแพทย์ของคุณ
- แตะปุ่มแชร์ เพื่อพิมพ์หรือแชร์ PDF
วิธีการตรวจให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
- วางแขนของคุณบนโต๊ะหรือบนหน้าตักขณะทำการบันทึก พยายามผ่อนคลายและไม่เคลื่อนไหวมากนัก
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Apple Watch บนข้อมือของคุณไม่หลวม สายควรจะกระชับ และด้านหลังของ Apple Watch ต้องสัมผัสกับข้อมือของคุณ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมือและ Apple Watch ของคุณแห้งและสะอาด
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Apple Watch ของคุณสวมอยู่บนข้อมือที่คุณเลือกไว้ในแอป Apple Watch หากต้องการตรวจสอบ ให้เปิดแอป Apple Watch แล้วแตะที่แท็บ Apple Watch ของฉัน จากนั้นไปที่ทั่วไป > แนวของนาฬิกา
- อยู่ให้ห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบอยู่กับแหล่งจ่ายไฟเพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนทางไฟฟ้า
ผู้คนบางส่วนอาจมีสภาพทางสรีระบางประเภทที่ทำให้ไม่สามารถสร้างสัญญาณที่เพียงพอต่อการสร้างบันทึกที่ดีได้ ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งของหัวใจในทรวงอกสามารถเปลี่ยนแปลงระดับสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการรับการตรวจวัดของแอป ECG ได้
ผิวสัมผัสที่แห้งสนิทเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้แอป ECG ทำงานตามปกติ การใช้งานแอป ECG อาจได้รับผลกระทบหาก Apple Watch และ/หรือผิวหนังไม่แห้งสนิททั้งหมด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมือและมือของคุณแห้งสนิททั้งหมดก่อนจะพยายามทำการอ่านค่า เพื่อให้แน่ใจว่าการอ่านค่าจะได้ผลดีที่สุด หลังจากว่ายน้ำ อาบน้ำ มีเหงื่อออกมาก หรือล้างมือ ให้ทำความสะอาดและเช็ด Apple Watch ของคุณให้แห้ง อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้ Apple Watch ของคุณแห้งสนิท
สิ่งที่คุณควรทราบ
- แอป ECG ไม่สามารถตรวจจับหัวใจวายได้ หากคุณเคยมีอาการเจ็บ บีบ แน่นหน้าอก หรืออาการที่คุณคิดว่าเป็นหัวใจวาย โปรดติดต่อบริการฉุกเฉินทันที
- แอป ECG ไม่สามารถตรวจจับภาวะเลือดแข็งตัวเป็นลิ่มหรือโรคหลอดเลือดสมองได้
- แอป ECG ไม่สามารถตรวจจับภาวะเกี่ยวกับหัวใจอื่นๆ ได้ ซึ่งรวมถึงความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว คอเลสเตอรอลสูง หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรูปแบบอื่นๆ
- หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการใดๆ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือเข้ารับการรักษาทันที
วิธีการทำงานของแอป ECG
แอป ECG ใน Apple Watch Series 4 หรือใหม่กว่า และ Apple Watch Ultra ทุกรุ่นจะสร้าง ECG ที่คล้ายคลึงกับการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบจุดเดียว (หรือ Lead I) ตามปกติแล้ว ECG ที่ใช้ในห้องตรวจของแพทย์จะเป็นแบบมาตรฐาน 12 จุด ECG แบบ 12 จุดนี้จะบันทึกสัญญาณไฟฟ้าจากมุมต่างๆ ในหัวใจเพื่อสร้างรูปคลื่นที่ต่างกันสิบสองแบบ แอป ECG ใน Apple Watch จะวัดรูปคลื่นที่คล้ายกับรูปคลื่นหนึ่งในสิบสองแบบดังกล่าว ECG แบบจุดเดียวสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะการเต้นของหัวใจ รวมถึงสามารถจัดประเภทภาวะ AFib ได้ อย่างไรก็ตามการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบจุดเดียวไม่สามารถใช้ระบุอาการอื่นๆ บางประเภทได้ เช่น หัวใจวาย แพทย์มักสั่งให้มีการติดตั้งอุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบจุดเดียวโดยให้ผู้ป่วยสวมใส่ที่บ้านหรือภายในโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ทราบอัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจโดยพื้นฐานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แอป ECG ใน Apple Watch Series 4 หรือใหม่กว่า และ Apple Watch Ultra ทุกรุ่นทำให้คุณสามารถสร้าง ECG ที่คล้ายคลึงกับการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบจุดเดียวได้โดยไม่ต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์
ในการศึกษาเปรียบเทียบการวัดด้วยแอป ECG ใน Apple Watch กับ ECG แบบ 12 จุดในเวลาเดียวกัน พบว่ามีความสอดคล้องกันระหว่างการจัดประเภทจังหวะไซนัส หรือภาวะ AFib ของแอป ECG เมื่อเปรียบเทียบกับ ECG มาตรฐานแบบ 12 จุด
ความสามารถของแอป ECG ในการจัดประเภทค่า ECG เป็นภาวะ AFib และจังหวะไซนัส อย่างแม่นยำได้รับการทดสอบในการทดลองเชิงคลินิกกับอาสาสมัครประมาณ 600 คน และพบว่ามีความจำเพาะในการจัดประเภทจังหวะไซนัสอยู่ที่ 99.6% และมีความไวในการจัดประเภทภาวะ AFib อยู่ที่ 98.3% สำหรับผลลัพธ์ที่สามารถจัดประเภทได้
ผลลัพธ์ที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องเชิงคลินิกนี้สะท้อนถึงการใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบควบคุม การใช้งานแอป ECG จริงอาจทำให้การวัดหลายครั้งได้รับการพิจารณาว่าไม่สามารถสรุปผลได้หรือไม่สามารถจัดประเภทได้
ดูเพิ่มเติม
* แอป ECG ไม่สามารถใช้งานได้บน Apple Watch SE หรือเมื่อใช้การตั้งค่าครอบครัว