ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- หากอุปกรณ์ของคุณมีสวิตช์เปิด/ปิดเสียง ให้เลื่อนสวิตช์ไปทางจอแสดงผลของอุปกรณ์เพื่อไม่ให้มองเห็นสีส้ม หากคุณใช้ iPad คุณสามารถปัดลงจากมุมบนขวาเพื่อเปิดศูนย์ควบคุมและตรวจสอบว่าโหมดปิดเสียงปิดอยู่หรือไม่
- เปิดการตั้งค่า > โฟกัส > ห้ามรบกวน แล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้ามรบกวนปิดอยู่
ติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ Apple
หากคุณตรวจสอบการตั้งค่าเสียงแล้วและอุปกรณ์ของคุณยังคงมีปัญหาด้านเสียงอยู่ โปรดติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ Apple เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับตัวเลือกการบริการ
หากคุณต้องการลองทำตามขั้นตอนเพิ่มเติมด้วยตัวเอง
ต่อไปนี้คือขั้นตอนเพิ่มเติมบางส่วนที่คุณสามารถลองทำเองได้ หากต้องการ หลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว คุณอาจยังต้องติดต่อฝ่ายบริการช่วยเหลือของ Apple เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับตัวเลือกการบริการ
- ถอดอุปกรณ์ป้องกันหน้าจอ ฟิล์ม หรือเคสทั้งหมดออกจากอุปกรณ์ของคุณ
- ตรวจสอบช่องลำโพงเพื่อดูว่ามีสิ่งใดที่ปิดกั้นอยู่หรือมีสิ่งสกปรกหรือไม่ สำหรับ iPhone เท่านั้น ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวรับสัญญาณไม่ได้ถูกปิดกั้นหรือมีสิ่งสกปรก
- หากจำเป็น ให้ทำความสะอาดช่องลำโพงหรือตัวรับสัญญาณด้วยแปรงขนนุ่มขนาดเล็ก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแปรงที่ใช้สะอาดและแห้ง
- ไปที่การตั้งค่า > เสียง (หรือการตั้งค่า > เสียงและการสั่น) แล้วลากแถบเลื่อนเสียงเรียกเข้าและเสียงเตือนไปมาสองสามครั้ง หากคุณไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรือหากปุ่มลำโพงของคุณบนแถบเลื่อนเสียงเรียกเข้าและเสียงเตือนจางลง แสดงว่าลำโพงของคุณอาจต้องเข้ารับบริการ
- หากคุณได้ยินเสียง ให้ลองโทรออกด้วย iPhone และเปิดสปีกเกอร์โฟน สำหรับ iPad หรือ iPod touch ให้โทร FaceTime หากคุณยังไม่ได้ยินเสียง หรือได้ยินเสียงซ่าหรือเสียงแตก แสดงว่าปัญหาอยู่ที่เครือข่ายหรือการรับสัญญาณของคุณ ลองโทรอีกครั้งภายหลัง หรือโทรจากตำแหน่งอื่น
FaceTime อาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศหรือบางภูมิภาค