เกี่ยวกับ Apple ProRes บน iPhone

ดูข้อมูลเกี่ยวกับ Apple ProRes บน iPhone Apple ProRes มอบประสิทธิภาพการตัดต่อวิดีโอ Multistream แบบเรียลไทม์ พร้อมคุณภาพของภาพระดับมืออาชีพ

บันทึกวิดีโอใน Apple ProRes

คุณสามารถบันทึกวิดีโอในรูปแบบ Apple ProRes ในแอปกล้องโดยใช้กล้องตัวใดก็ได้ในโหมดวิดีโอ *

คุณสามารถแก้ไข Apple ProRes ในแอปรูปภาพหรือ iMovie บน iPhone, iPad และ Mac, Final Cut Pro สำหรับ iPad และ Mac และในแอปตัดต่อวิดีโอที่รองรับ ProRes ได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple ProRes และ Apple ProRes RAW

สิ่งที่ต้องมี

ในการใช้ Apple ProRes คุณต้องมี iOS 15.1 หรือใหม่กว่าและ iPhone รุ่นใดรุ่นหนึ่งต่อไปนี้ 

• iPhone 16 Pro Max

• iPhone 16 Pro

• iPhone 15 Pro Max

• iPhone 15 Pro

• iPhone 14 Pro Max

• iPhone 14 Pro

• iPhone 13 Pro Max

• iPhone 13 Pro

ดูข้อมูลเกี่ยวกับความละเอียดที่รองรับและอัตราเฟรม

iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max, iPhone 14 Pro, iPhone 14 Pro Max, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max รองรับการบันทึกแบบ ProRes โดยใช้พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวของ iPhone ในช่วงไดนามิกสูง (HDR), ในช่วงไดนามิกมาตรฐาน (SDR) หรือในการเข้ารหัสแบบ Log iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max รองรับการบันทึก ProRes ในแบบ HDR หรือการเข้ารหัสแบบ Log

iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ยังให้คุณบันทึก Apple ProRes ไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่เชื่อมต่อกับ USB-C ได้โดยตรงอีกด้วย

ดูข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการไฟล์ ProRes บนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก

iPhone ของคุณรองรับความละเอียดและอัตราเฟรมเหล่านี้:

• การรองรับ ProRes สำหรับความจุพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 256 GB, 512 GB และ 1 TB:

  • 1080p HD ที่ 60 เฟรมต่อวินาที (fps), 30 fps และ 25 fps

  • 4K ที่ 30 fps, 25 fps และ 24 fps

  • 4K ที่ 60 fps, iPhone 15 Pro และ iPhone 16 Pro เท่านั้น เมื่อใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่รองรับความเร็วอย่างน้อย 220MB ต่อวินาทีและใช้พลังงานสูงสุด 4.5 วัตต์

  • 4K ที่ 120fps, iPhone 16 Pro เท่านั้น เมื่อใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่รองรับความเร็วอย่างน้อย 440MB ต่อวินาทีและใช้พลังงานสูงสุด 4.5 วัตต์

• การรองรับ ProRes สำหรับความจุพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 128 GB:

  • 1080p HD ที่ 30 fps และ 25 fps

  • 4K ที่ 60 fps, iPhone 15 Pro และ iPhone 16 Pro เท่านั้น เมื่อใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่รองรับความเร็วอย่างน้อย 220MB ต่อวินาทีและใช้พลังงานสูงสุด 4.5 วัตต์

  • 4K ที่ 120fps, iPhone 16 Pro เท่านั้น เมื่อใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่รองรับความเร็วอย่างน้อย 440MB ต่อวินาทีและใช้พลังงานสูงสุด 4.5 วัตต์

เปิด ProRes

หากต้องการบันทึกวิดีโอในรูปแบบ ProRes บน iPhone ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > กล้อง > รูปแบบ จากนั้นเปิด Apple ProRes ในการบันทึกวิดีโอ หากต้องการบันทึกวิดีโอในรูปแบบ ProRes ให้แตะ ProRes ในแอปกล้อง จากนั้นบันทึกวิดีโอของคุณ

หากคุณปิด ProRes ในแอปกล้อง รูปแบบของวิดีโอจะมีค่าเริ่มต้นเป็นรูปแบบที่คุณตั้งไว้ภายใต้จับภาพด้วยกล้องในการตั้งค่า > กล้อง > รูปแบบ ซึ่งก็คือ: ประสิทธิภาพสูง (HEVC) หรือเข้ากันได้มากที่สุด (H.264)

จัดการไฟล์ ProRes

ไฟล์ ProRes มีขนาดใหญ่กว่าไฟล์ HEVC ถึง 30 เท่า คุณสามารถจัดเก็บและจัดการไฟล์ ProRes ของคุณบน iPhone, บน iCloud หรือด้วย iPhone 15 Pro หรือ iPhone 16 Pro บนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่เชื่อมต่อกับ USB-C ได้

จัดการไฟล์บนอุปกรณ์ของคุณ

หากต้องการบันทึกวิดีโอในรูปแบบ ProRes คุณต้องมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลใน iPhone ว่างอย่างน้อย 10% หาก ProRes เปิดอยู่และมีเวลาบันทึกน้อยกว่าห้านาที แอปกล้องอาจเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้คุณยังสามารถส่งออกรูปภาพหรือวิดีโอขนาดใหญ่จากแอปรูปภาพไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้อีกด้วย จากนั้นหากต้องการล้างพื้นที่บน iPhone ให้ลบวิดีโอออกจากแอปรูปภาพ แล้วลบออกถาวรจากอัลบั้ม "ที่เพิ่งลบล่าสุด"

จัดการไฟล์ใน iCloud

หากคุณใช้รูปภาพ iCloud เพื่อจัดเก็บรูปภาพ คุณอาจต้องอัปเกรดแผนพื้นที่เก็บข้อมูล iCloud เพื่อทำให้มีพื้นที่ว่างเพิ่มเติมสำหรับไฟล์ขนาดใหญ่เหล่านี้ iCloud ยังมีการจำกัดขนาดไฟล์ด้วย

บันทึกไฟล์ ProRes ไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก

iPhone 15 Pro หรือ iPhone 16 Pro ให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกด้วย USB-C เพื่อจัดเก็บหรือบันทึกไฟล์ ProRes บนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้โดยตรง ต่อไปนี้เป็นสิ่งต่างๆ ที่ควรระลึกอยู่เสมอ

• อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกของคุณต้องฟอร์แมตเป็น exFAT ไม่รองรับไดรฟ์ที่เข้ารหัสด้วยรหัสผ่าน

• ใช้สาย USB 3 ที่มีความเร็วอย่างน้อย 10 Gbit ต่อวินาที

• อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกของคุณต้องเขียนด้วยความเร็วอย่างน้อย 220 MB ต่อวินาทีสำหรับ 4K60 ProRes และอย่างน้อย 440 MB ต่อวินาทีสำหรับ 4K120 ProRes หากคุณต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่ช้ากว่านี้ คุณอาจได้รับข้อความความเร็วในการบันทึกช้า

• ใช้แอปไฟล์เพื่อฟอร์แมตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกและจัดการไฟล์ ProRes ของคุณ คุณต้องฟอร์แมตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกใหม่ก่อนเริ่มเซสชั่นการบันทึก 4K120 ProRes แต่ละครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด

• หากต้องการบันทึกไปยัง iPhone ให้ถอดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกออก

ใช้ ProRes กับแอปรูปภาพและแอปอื่นๆ

มีการนำ Apple ProRes ไปใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมโพสโปรดักชั่น คุณจึงสามารถเปิดไฟล์ ProRes ด้วยแอปต่างๆ ที่รองรับรูปแบบนี้ได้ บางแอปอาจแปลงวิดีโอ ProRes เป็นรูปแบบ H.264 ที่เล็กกว่าหากไม่รองรับ ProRes

แก้ไขไฟล์ ProRes

คุณสามารถแก้ไขไฟล์ Apple ProRes ได้ในแอปรูปภาพหรือ iMovie บน iPhone, iPad และ Mac, Final Cut Pro สำหรับ iPad และ Mac หรือในแอปตัดต่อของผู้ให้บริการรายอื่นที่รองรับ ProRes

อุปกรณ์ Apple เหล่านี้รองรับการเล่นและแก้ไขไฟล์ ProRes

• Mac ที่ใช้ Mac OS X 10.6 ขึ้นไป

• iPad Pro รุ่น 13 นิ้ว (ชิป M4)

• iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3) และใหม่กว่า

• iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (ชิป M4)

• iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1) และใหม่กว่า

• iPad Air (รุ่นที่ 5)

• iPad mini (รุ่นที่ 6)

• iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, iPhone 16 Pro Max

• iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max

• iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro, iPhone 14 Pro Max

• iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max

แชร์วิดีโอ ProRes

ในการแชร์วิดีโอ ProRes ของคุณ

• ใช้สาย USB-C หรือ Lightning และตัวจับภาพใน Mac หรือแอปพลิเคชันที่รองรับบน PC ที่ใช้ Windows เพื่อถ่ายโอนไฟล์

• ส่งออกวิดีโอ ProRes ของคุณไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก

• ใช้รูปภาพ iCloud เพื่อเข้าถึงไฟล์วิดีโอ ProRes ต้นฉบับแบบเต็มความละเอียดบนอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ

• ใช้ AirDrop เพื่อถ่ายโอนไฟล์ ProRes ต้นฉบับจาก iPhone ไปยัง iPhone, iPad หรือ Mac เครื่องอื่น ให้แตะตัวเลือกที่ด้านบนสุดของหน้าจอ เปิดใช้ข้อมูลรูปภาพทั้งหมด จากนั้นแตะเสร็จสิ้น AirDrop ถ่ายโอนวิดีโอ ProRes ต้นฉบับไปยังอุปกรณ์ที่รองรับ: iPhone 16 รุ่นต่างๆ, iPhone 15 รุ่นต่างๆ, iPhone 14 รุ่นต่างๆ, iPhone 13 รุ่นต่างๆ, Mac ที่ใช้ Mac OS X 10.6 และใหม่กว่า, iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3) และใหม่กว่า, iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1) และใหม่กว่า, iPad Air (รุ่นที่ 5) และ iPad mini (รุ่นที่ 6) สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหมด คุณจะต้องแชร์วิดีโอรูปแบบ HEVC หากอุปกรณ์นั้นรองรับ หรือวิดีโอรูปแบบ H.264 หากอุปกรณ์ไม่รองรับ