จัดการ iCloud Private Relay สำหรับเว็บไซต์ เครือข่าย หรือการตั้งค่าระบบที่ต้องการ

เว็บไซต์ เครือข่าย และบริการบางอย่างอาจต้องดูที่อยู่ IP ของคุณหรือต้องมีความสามารถในตรวจสอบการรับส่งข้อมูล ดำเนินการกรองบนเครือข่าย หรือดูประวัติการท่องเว็บของคุณ

เมื่อใดที่ควรจัดการ iCloud Private Relay

Private Relay ออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวทางอินเทอร์เน็ตของคุณและคงประสบการณ์การท่องเว็บให้มีประสิทธิภาพสูง เว็บไซต์ เครือข่าย หรือบริการบางอย่างอาจต้องทําการอัปเดตสําหรับ Private Relay ซึ่งรวมถึงเครือข่ายที่ต้องใช้ความสามารถในการตรวจสอบการรับส่งข้อมูลหรือดําเนินการกรองตามเครือข่าย เช่น เครือข่ายธุรกิจหรือการศึกษา นอกจากนี้ยังรวมถึงบริการที่ต้องอาศัยการดูกิจกรรมการท่องเว็บของคุณ เช่น การควบคุมโดยผู้ปกครอง หรือบริการ "Zero rated" บางอย่างที่ไม่นับรวมเป็นการใช้ข้อมูลของคุณ

  • หากเว็บไซต์อาศัยการกรอง IP การตรวจสอบ หรือการจำกัดอัตรา คุณสามารถอนุญาตให้เว็บไซต์นั้นเห็นที่อยู่ IP ของคุณชั่วคราว

  • หากคุณได้รับข้อความว่าเครือข่ายหรือบริการเข้ากันไม่ได้กับ Private Relay คุณสามารถปิด Private Relay สำหรับเครือข่ายเซลลูลาร์หรือ Wi-Fi นั้นได้

  • หากการตั้งค่าระบบบน Mac ของคุณเข้ากันไม่ได้กับ Private Relay คุณสามารถตรวจสอบแอปของบุคคลที่สาม (เช่น VPN หรือซอฟต์แวร์กรองอินเทอร์เน็ต) ที่คุณใช้บน Mac ของคุณ

หากคุณปิด Private Relay ผู้ให้บริการเครือข่ายและเว็บไซต์จะสามารถเฝ้าติดตามกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของคุณใน Safari ได้

นอกจากนี้ หากคุณเดินทางไปบางแห่งที่ไม่มี Private Relay ระบบนี้จะปิดโดยอัตโนมัติและจะเปิดอีกครั้งเมื่อคุณกลับเข้ามาในประเทศหรือภูมิภาคที่รองรับ Private Relay Private Relay จะแจ้งให้คุณทราบเมื่อใช้งานไม่ได้และใช้งานได้อีกครั้ง

หากเว็บไซต์ใช้งานไม่ได้กับ Private Relay

เว็บไซต์ที่อาศัยการกรอง IP การตรวจสอบ หรือการจำกัดอัตราอาจพยายามป้องกันไม่ให้คุณเรียกดูเว็บไซต์เหล่านั้นในขณะที่ใช้ Private Relay

หากต้องการใช้เว็บไซต์นั้นต่อไป คุณสามารถอนุญาตให้เว็บไซต์ดูที่อยู่ IP ของคุณชั่วคราว:*

  • iPhone หรือ iPad: แตะปุ่มเมนูหน้าnull จากนั้นแตะ "แสดงที่อยู่ IP"

  • Mac: ใน Safari ให้เลือกดู > โหลดใหม่และแสดงที่อยู่ IP

หากคุณปิด Private Relay สำหรับเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง ผู้ให้บริการเครือข่ายของคุณจะสามารถดูเว็บไซต์ที่คุณกำลังเรียกดูได้

* หากคุณไม่เห็นตัวเลือกในการอนุญาตให้เว็บไซต์ดูที่อยู่ IP ของคุณชั่วคราว ให้อัปเดตอุปกรณ์เป็น iOS, iPadOS หรือ macOS เวอร์ชั่นล่าสุด แล้วลองอีกครั้ง

หากเครือข่ายใช้งานไม่ได้กับ Private Relay

คุณสามารถปิด Private Relay สําหรับเครือข่ายเฉพาะได้โดยใช้การตั้งค่าจำกัดการติดตามที่อยู่ IP*

  • หากคุณปิด Private Relay สำหรับเครือข่ายที่เฉพาะเจาะจง การตั้งค่าสำหรับเครือข่ายนั้นจะมีผลกับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณที่เปิด Private Relay ไว้

  • หากคุณสลับไปมาระหว่างการกำหนดค่าแบบหลายเครือข่ายเป็นประจำ (เช่น ซิมคู่หรือ Wi-Fi และอีเธอร์เน็ต) โปรดอย่าลืมตรวจสอบว่าได้ทำการตั้งค่านี้สำหรับแต่ละเครือข่ายแยกกัน

คุณสามารถลองเปิด Private Relay อีกครั้งสำหรับเครือข่ายที่ต้องการในส่วน Wi-Fi ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์ หรือการตั้งค่าเครือข่าย

*ใน iOS, iPadOS และ macOS เวอร์ชั่นก่อนหน้า การตั้งค่านี้เรียกว่า iCloud Private Relay

ปิด Private Relay สำหรับเครือข่าย Wi-Fi เฉพาะบน iPhone หรือ iPad

  1. เปิดแอปการตั้งค่า แล้วแตะ Wi-Fi

  2. แตะปุ่มข้อมูลเพิ่มเติมไม่มีข้อความอธิบายรูปภาพถัดจากเครือข่าย Wi-Fi

  3. เลื่อนลงแล้วแตะจำกัดการติดตามที่อยู่ IP

ปิด Private Relay สำหรับเครือข่ายเซลลูลาร์เฉพาะบน iPhone หรือ iPad

  1. ไปที่การตั้งค่า > เซลลูลาร์

  2. ในส่วนซิม ให้เลือกหมายเลขโทรศัพท์หลักของคุณ ใน iOS 18 หรือก่อนหน้า ให้แตะ "ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์"

  3. แตะ "จํากัดการติดตามที่อยู่ IP"

ปิด Private Relay สำหรับเครือข่ายเฉพาะบน Mac ของคุณ

ใน macOS Ventura หรือใหม่กว่า:

  1. เลือกเมนู Apple  > การตั้งค่าระบบ

  2. คลิกเครือข่ายในแถบด้านข้าง จากนั้นคลิกบริการเครือข่ายที่คุณกำลังใช้ (เช่น Wi-Fi) ทางด้านขวา

  3. คลิกปุ่มรายละเอียดถัดจากชื่อเครือข่ายที่คุณเชื่อมต่อ

  4. ปิด "จำกัดการติดตามที่อยู่ IP"

    ในการตั้งค่าเครือข่ายบน Mac คุณสามารถปิดจํากัดการติดตามที่อยู่ IP เพื่อปิด iCloud Private Relay ได้

ใน macOS Monterey:

  1. เลือกเมนู Apple > การตั้งค่าระบบ

  2. คลิกที่เครือข่าย และเลือกเครือข่ายจากรายการเพื่อดูตัวเลือกเพิ่มเติม

  3. คลิกเครื่องหมายถูกที่อยู่ข้างจำกัดการติดตามที่อยู่ IP

หากการตั้งค่าระบบ Mac ของคุณป้องกันไม่ให้ Private Relay ทำงานได้

ในการตั้งค่าระบบบน Mac ของคุณ คุณอาจเห็นการแจ้งเตือนที่ระบุว่า "การตั้งค่าระบบบางอย่างของคุณทำให้ Private Relay ไม่สามารถทำงานได้"

หากเเห็นการแจ้งเตือนดังกล่าว แสดงว่าแอปของบริษัทอื่น เช่น VPN หรือซอฟต์แวร์กรองอินเทอร์เน็ต อาจติดตั้งการตั้งค่าหรือส่วนขยายที่ใช้งานร่วมกับ Private Relay ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น แอปของบริษัทอื่นอาจติดตั้งส่วนขยายเคอร์เนลหรือใช้กฎตัวกรองแพ็คเกตที่กำหนดเอง

หากคุณต้องการใช้ Private Relay บน Mac ให้ปิดหรือถอนการติดตั้งแอปของบริษัทอื่น หากคุณไม่สามารถปิดหรือถอนการติดตั้งแอปได้ คุณอาจไม่สามารถใช้ Private Relay บน Mac ของคุณได้

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบเครือข่าย

หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์หรือนักพัฒนา ผู้ดูแลระบบเครือข่าย หรือนักพัฒนาแอป เรียนรู้วิธีมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Private Relay บนเครือข่ายของคุณ

การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตโดย Apple หรือเว็บไซต์อิสระที่ Apple ไม่ได้ควบคุมหรือทดสอบไม่ถือเป็นการแนะนำหรือการรับรองใดๆ Apple จะไม่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือก ประสิทธิภาพการทำงาน หรือการใช้งานเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น Apple ไม่รับรองความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของบริษัทอื่น โปรดติดต่อผู้จำหน่ายหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

วันที่เผยแพร่: